ประกันภัยรถยนต์นอกจากจะมีระดับชั้นต่าง ๆ ที่แตกต่างกันตามความคุ้มครองที่จะได้รับและราคาค่าเบี้ยที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประกันภัยที่หลายคนไม่เคยรู้ เพราะเป็นหนึ่งในรูปแบบประกันภัยที่เหมาะกับเจ้าของรถบางกลุ่ม บางประเภท ที่ใช้งานน้อยหรือเป็นสายจอดเสียส่วนใหญ่ จะใช้รถทีต้องรอเทศกาลหรือวันหยุดติดต่อกันนาน ๆ ได้แก่ ประกันรถยนต์เปิดปิดหรือประกันภัยที่มีการจำกัดเวลา จำกัดระยะทางในการรับประกัน จะใช้รถก็เปิดใช้งานประกัน เมื่อไม่ใช้ก็ปิด ซึ่งจะมีความแตกต่างจากประกันภัยปกติอย่างไรไปดูกัน
ประกันรถยนต์เปิดปิด คือประกันภัยรถยนต์ที่สามารถกำหนดเวลาในการเปิดและปิดความคุ้มครองในการใช้งานตามที่เจ้าของรถต้องการได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการรับประกันรถยนต์ตามระยะเวลา ระยะทางตามที่มีการใช้งานจริง ซึ่งประกันรถยนต์ดังกล่าวจะมีค่าเบี้ยที่ถูกกว่าประกันภัยปกติมากถึง 30-40% ขึ้นอยู่กับรายละเอียดและเงื่อนไขในการรับประกันที่ระบุไว้ โดยรูปแบบของประกันรถที่จัดอยู่ในประเภทประกันรถยนต์เปิดปิด ได้แก่
จากที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นรูปแบบของ ประกันรถยนต์เปิดปิด เพราะแต่เงื่อนไขและความคุ้มครองจะแตกต่างกันตามแต่ละบริษัทประกันภัยรถกำหนด เพียงแต่อาจมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป
สำหรับประกันภัยรถยนต์แบบเปิดปิด จะให้ความคุ้มครองเหมือนกันกับประกันภัยทั่วไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้เอาประกันจะทำประกันรถยนต์ชั้นใด เพราะสามารถจะระบุเงื่อนไขการรับประกันได้ทั้งหมด เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 แบบกำหนดระยะทาง หมายความว่ารถของคุณจะได้รับความคุ้มครองด้วยประกันชั้น 1 หากแต่จะมีการกำหนดระยะทางเอาไว้ว่าภายใน 1 ปี จะต้องวิ่งรถไม่เกินระยะทางที่ระบุเอาไว้ในสัญญาหรืออาจจะเลือกสัญญาที่ระบุไว้ว่าจะคุ้มครองเมื่อสตาร์ทรถและหยุดคุ้มครองเมื่อดับเครื่องรถ ในกรณีนี้ทางบริษัทประกันภัยจะติดตั้งแอปพลิเคชันและ GPS มาให้เพื่อตรวจสอบการใช้งานรถ ซึ่งคุณจะต้องเชื่อมต่อแอปพลิเคชันก่อนการใช้งานรถทุกครั้ง
ในส่วนของความคุ้มครอง คุณและรถของคุณก็จะได้รับความคุ้มครองตามระดับชั้นของประกันภัยรถยนต์ที่ทำเอาไว้ เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุและผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด หากเป็นประกันรถชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ 2+ ผู้เอาประกันก็จะได้รับความคุ้มครองทั้งคนและรถ, หากเป็นประกันรถชั้น 2 หรือ 3 ผู้เอาประกันก็จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะคน เป็นต้น
หากในชีวิตประจำวันของคุณเป็นคนที่ใช้รถในการเดินทางอยู่เป็นประจำในทุก ๆ วัน ประกันรถยนต์เปิดปิดคงไม่เหมาะอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นสายจอด อาทิตย์หนึ่งใช้รถครั้งหนึ่ง หรือเป็นคนที่มีรถหลายคัน สะสมรถ นาน ๆ จะนำออกมาใช้ รับรองได้เลยว่าประกันแบบเปิดปิดเหมาะสมกับคุณอย่างแน่นอน เพราะจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเบี้ยประกันลงไปอย่างมาก แต่ยังคงให้ความคุ้มครองเทียบเท่าประกันแบบปกติ
ดังนั้น เพื่อให้การตัดสินใจในการเลือกซื้อประกันรถยนต์ในราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด คุณจะต้องดูว่าตนเองมีไลฟ์สไตล์ในการใช้งานรถมากแค่ไหน ถ้าชีวิตต้องใช้รถยนต์ตลอดเวลา ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองแบบ 24 ชั่วโมง ดูจะเหมาะสมมากที่สุด แต่หากนาน ๆ จะขับรถสักที หรือ 1ปีไม่เกินพันโล การเลือกประกันรถยนต์เปิดปิด จะคุ้มค่ามากกว่านั่นเอง
หากคุณมีความสนใจในส่วนของประกันรถยนต์เปิดปิด หรือประกันที่ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองที่ต้องการได้ที่ Insurverse หนึ่งในผู้นำประกันออนไลน์ที่เข้าใจและตอบโจทย์การทำประกันที่คุ้มค่าให้คุณได้ เปรียบเทียบข้อมูลประกันภัยรถยนต์ในแบบต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช็กเบี้ยเลยที่นี่!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง