vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ

ตั้งศูนย์ถ่วงล้อสำคัญอย่างไร เคล็ดลับที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

schedule
share
ที่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
ที่มารูปภาพ : https://www.pexels.com/photo/man-in-black-jacket-standing-beside-black-car-3806288/

           หากคุณเคยพบเจออาการของรถวิ่งไม่ตรง พวงมาลัยเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง นี่อาจเป็นสัญญาณของอาการศูนย์ล้อไม่ตรง ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อการเสียหายของชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถแล้ว ยังส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย

ความสำคัญของการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

           การตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นการปรับแต่งตำแหน่งของล้อรถยนต์ให้อยู่ในตำแหน่งที่สมดุลช่วยให้รถทรงตัวได้ดีขึ้น ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัย เพราะการขับรถที่มีล้อและศูนย์ล้อที่ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุของยางและช่วงล่างได้ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการตั้งศูนย์รถและประโยชน์ที่ผู้ขับขี่จะได้รับ

ผลเสียจากการไม่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

           การละเลยการตั้งศูนย์ถ่วงล้ออาจส่งผลให้เกิดปัญหาหลายอย่างที่ไม่เพียงทำให้ควบคุมรถได้ยาก แต่ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอย่างไม่จำเป็น 

– ยางเกิดความเสียหาย

           รถที่ล้อไม่ได้ศูนย์ถ่วงที่ดี จะทำให้ยางสัมผัสพื้นไม่สม่ำเสมอ ประสิทธิภาพการเกาะถนนของยางลดลง ส่งผลต่อการสึกหรอของยางที่ไม่เท่ากัน เช่น ขอบยางด้านนอกหรือด้านในมีการสึกที่มากกว่าอีกด้าน หน้ายางสึกเป็นบั้ง จะทำให้การขับขี่ไม่นุ่มนวลและยังต้องเปลี่ยนยางเร็วกว่ากำหนดอันเนื่องมาจากการไม่ตั้งศูนย์รถยนต์

การสั่นสะเทือนขณะการขับขี่

           การไม่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อทำให้รถเกิดการสั่นสะเทือนขณะขับขี่ ซึ่งอาจรู้สึกได้ชัดเจนผ่านพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องใช้แรงมากขึ้นในการควบคุมรถ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่

– ผลกระทบต่อระบบช่วงล่าง

           อาจเกิดการสึกหรอในระบบช่วงล่าง เช่น โช้คอัพ สปริง บูช ลูกหมาก ซึ่งต้องรับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนมากกว่าปกติ ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนเหล่านี้ก่อนเวลาอันควร มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบำรุงรักษารถ

เมื่อใดที่ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

– หลังจากเปลี่ยนยางใหม่หรือเปลี่ยนล้อใหม่

           เมื่อเปลี่ยนยางใหม่หรือเปลี่ยนล้อ ควรตั้งศูนย์ถ่วงล้อเพื่อให้แน่ใจว่าล้อมีสมดุลและรถขับขี่ได้อย่างมั่นคง จะช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอและป้องกันปัญหาการสั่นสะเทือนที่อาจเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนยาง

– หลังการซ่อมบำรุงระบบช่วงล่าง

           การซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนในระบบช่วงล่าง เช่น โช้คอัพ ปีกนก หรือบูชต่าง ๆ ส่งผลต่อสมดุลของรถ ควรทำการตั้งศูนย์รถเพื่อให้มีค่ามาตรฐานที่เหมาะสม

– ตั้งศูนย์ทุกระยะ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร

           คุณสามารถตั้งศูนย์ถ่วงล้อได้เป็นประจำทุกระยะ 10,000 – 15,000 กิโลเมตร จะช่วยให้รถยนต์ได้รับการตรวจสอบความสมบูรณ์ของศูนย์รถ แม้ว่าคุณจะยังไม่พบความผิดปกติในการขับขี่ก็ตาม เพราะการดูแลรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานย่อมดีกว่า

วิธีการตั้งศูนย์และถ่วงล้อทำอย่างไร

– การตั้งศูนย์

           การตั้งศูนย์ช่วยให้ล้อมีความสมดุลและรถขับขี่ได้อย่างมั่นคง ช่วยลดการสึกหรอของยางและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยจะมีการปรับตำแหน่งและมุมของล้อให้เหมาะสมตามมุมต่าง ๆ คือ มุมแคมเบอร์ (Camber) คือมุมที่การเอียงของล้อเมื่อมองจากด้านหน้า หากล้อเอียงมากเกินไป จะทำให้ยางสึกไม่สม่ำเสมอ จึงจำเป็นต้องปรับให้ตรง มุมแคสเตอร์ (Caster)  มุมที่ช่วยในการควบคุมทิศทางของรถในการขับขี่ จะช่วยให้พวงมาลัยกลับมาตำแหน่งตรงหลังจากเลี้ยวได้ดีขึ้น มุมโท (Toe) มุมโทที่เหมาะสมช่วยลดการสึกหรอของยางและเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่

– การถ่วงล้อ (Balancing)

           การถ่วงล้อคือการปรับน้ำหนักที่ล้อเพื่อให้การหมุนของล้อมีความสมดุล ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือนที่อาจส่งผลให้พวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ โดยใช้การติดตุ้มน้ำหนักหรือการถ่วงตะกั่วที่ขอบล้อในจุดที่เหมาะสม เพื่อปรับให้การหมุนของล้อ

           ซึ่งในการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ  ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์  วัดและปรับมุมล้อได้อย่างแม่นยำ ตั้งศูนย์ล้อมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและประหยัดเวลา

ประโยชน์ของการตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างสม่ำเสมอ

ยืดอายุการใช้งานของยาง

           การตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างถูกต้องช่วยให้ยางสัมผัสพื้นถนนได้อย่างทั่วถึง ช่วยให้ยางสึกจากการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ การที่ยางสึกเท่ากันทั้งเส้นช่วยให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น 

– เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่

           ช่วยให้รถวิ่งได้ตรงและทรงตัวดี ลดโอกาสที่รถจะเสียการควบคุมเมื่อเจอถนนขรุขระหรือเลี้ยวโค้ง เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

– ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

           เมื่อยางและระบบช่วงล่างได้รับการดูแลให้ทำงานอย่างสมดุล จะช่วยลดภาระการทำงานของชิ้นส่วนช่วงล่าง ยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนเหล่านี้และลดความถี่ในการซ่อมบำรุง

เคล็ดลับในการดูแลล้อและยางรถยนต์ให้ใช้งานได้นาน

ตรวจเช็กแรงดันลมยางเป็นประจำ

           แรงดันลมยางที่เหมาะสมช่วยให้ยางสัมผัสกับพื้นถนนอย่างเต็มที่ หากลมยางอ่อนเกินไป ยางจะสึกหรอเร็วและอาจเกิดความร้อนสูง ส่วนถ้าลมยางแข็งเกินไป ยางอาจสึกหรอเฉพาะส่วนกลาง 

– สลับยางทุก 10,000 กิโลเมตร

           การสลับตำแหน่งยางเป็นประจำทุก ๆ 10,000 กิโลเมตรจะช่วยให้การสึกหรอของยางมีความสม่ำเสมอทั้งสี่เส้น ซึ่งทำให้ยางใช้งานได้นานขึ้น

           การหมั่นตรวจสอบระบบช่วงล่างด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ  จะช่วยให้มีความปลอดภัยในการขับขี่ และยังช่วยยืดอายุของยางรวมไปถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ และการตรวจสังเกตสภาพดอกยางอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของยางให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งนี้การมี ประกันรถยนต์ ที่ครอบคลุมความเสียหายจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลเสียหายต่อช่วงล่างรถ ช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถของคุณจะได้รับการดูแลและซ่อมแซมอย่างดีหากเกิดปัญหา

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย