ในปัจจุบันการซื้อรถมือสองได้รับความนิยมไม่แพ้รถมือหนึ่งป้ายแดงเลย เพราะมีราคาและทางเลือกเยอะกว่า ได้รถที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการในราคาที่ถูกกว่า หนึ่งในรถมือสองที่ได้รับความนิยม คือ Honda HR-V วันนี้เราจะพามาดูข้อดีของการซื้อรถ HR-V มือสอง และวิธีดูแลรถมือสองให้ใช้ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
Honda HR-V คือ รถยนต์ B-SUV หรือ Crossover SUV เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก มีประโยชน์ใช้สอยเยอะ ห้องโดยสารขนาดกว้างขวาง ยกสูงจากพื้น มีประสิทธิภาพสูงและมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงที่ต่ำ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แม้แต่รถมือสองก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน และการซื้อรถ HR-V มือสองนั้น มีข้อดีมากมาย ได้แก่
รุ่นแรก ๆ จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC i-VTEC รหัส R18Z1 ขนาด 1.8 ลิตร
ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป มีการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 1.5 e:HEV ในทุกรุ่นย่อย และทุกรุ่นในไทยจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ FWD ทั้งหมด
ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพรถและระยะเวลาการใช้งานเป็นหลัก โดยจะมีราคาโดยประมาณ ดังนี้
เพราะการซื้อรถมือสองย่อมไม่เหมือนกับการออกรถใหม่อยู่แล้ว ราคาที่ถูกกว่าอาจจะตามมาด้วยการดูแลที่มากกว่าเช่นกัน
หลังจากรับรถมาแล้ว ควรจะนำเข้าศูนย์หรืออู่ซ่อม เพื่อเช็กสภาพรถทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น ตรวจเช็กหม้อน้ำ เช็กลมยาง และระบบสายพานต่าง ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็นการเช็กการทำงานโดยรวมของเครื่องยนต์และช่วงล่างก่อนใช้งาน
เนื่องจากเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเจ้าของเก่าเปลี่ยนถ่ายของเหลวในตัวเครื่องมาครั้งล่าสุดตอนไหน จึงควรที่จะเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันเฟืองท้าย หรือน้ำยาหล่อเย็น เพื่อการใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เพราะแบตเตอรี่อาจจะตามมาด้วยปัญหารถสตาร์ทไม่ติด โดยปกติแล้วอายุเฉลี่ยในการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ประมาณ 1 ปี ซึ่งเมื่อซื้อรถมือสองมาก็ควรจะทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่เลยจะดีที่สุด เราจะได้รู้ว่าวันหมดอายุคือเมื่อไหร่
เมื่อซื้อรถมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ควรจะทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งภายนอกและภายในตัวรถ โดยควรจะทำอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อคงสภาพของตัวรถยนต์ไว้ นอกจากนี้ควรจะทำการขัดเคลือบสี เพื่อลบรอยขีดข่วนหรือร่องรอยที่มาจากการใช้งานก่อนหน้า
หนึ่งในการดูแลที่จะส่งผลในระยะยาว คือการทำประกันภัยรถยนต์ เพราะประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองเมื่ออุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่บนท้องถนน ทั้งตัวเราและคู่กรณี และถ้าต้องการได้รับความคุ้มครองรถยนต์ หรือความช่วยเหลือในการซ่อมรถยนต์ด้วย ก็ควรจะทำประกันชั้น 1 ที่จะให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุมมากที่สุด
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ไขข้อสงสัยเรื่อง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมศูนย์กับซ่อมอู่ต่างกันยังไงแบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับรถและงบของคุณ เลือกแบบไหนคุ้มกว่ามีคำตอบที่นี่!
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง? ประกันชั้น 2 และ 2+ คุ้มครองแตกต่างกัน ชั้น 2 คุ้มครองรถเรากรณีรถหายหรือไฟไหม้ ส่วน 2+ คุ้มครองรถเรา ทั้งรถหาย ไฟไหม้และรถชนรถ
ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ให้ความคุ้มครองมากกว่าที่คิด ครอบคลุมทั้งรถเราและคู่กรณี ในราคาเบา ๆ เหมาะสำหรับคนใช้รถทุกวันที่อยากอุ่นใจแต่ไม่อยากจ่ายแพง