vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เครื่องดูดฝุ่นในรถ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

เครื่องดูดฝุ่นในรถ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

schedule
share

การดูแลรถยนต์ให้น่าใช้งานไม่ใช่แค่เรื่องของภายนอกที่เงาวับเท่านั้น แต่ภายในรถเองก็ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องด้วย การเลือกเครื่องดูดฝุ่นในรถที่เหมาะสมจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ทุกซอกทุกมุมของรถปลอดฝุ่นและขยะเล็ก ๆ ที่มองข้ามไปไม่ได้เลย เหมือนกับการเลือก ประกันรถชั้น 1 ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของรถ เพราะการมีเครื่องมือที่ใช่หรือประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ในทุกสถานการณ์ insurverse ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประกันออนไลน์ที่ให้คุณปรับแผนได้เองง่าย ๆ เหมือนเลือกเครื่องดูดฝุ่นให้ตรงใจคุณ!

ประเภทของเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นในรถ การรู้จักประเภทของเครื่องดูดฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

  1. เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายมักจะมีพลังดูดที่แรงกว่า เพราะใช้ไฟโดยตรงจากช่องจุดบุหรี่ในรถยนต์หรือปลั๊กบ้าน ข้อดีคือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด แต่ข้อเสียคือความยาวของสายไฟที่อาจไม่เพียงพอในการเข้าถึงบางจุดของรถ โดยเฉพาะรถที่มีขนาดใหญ่ เช่น SUV หรือ MPV การเลือกเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย ควรตรวจสอบความยาวของสายไฟให้เหมาะสมกับขนาดรถ
  2. เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นไร้สายเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน เพราะไม่มีสายไฟให้เกะกะ น้ำหนักเบาและพกพาง่าย ใช้แบตเตอรี่ในตัวซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ ข้อดีคือใช้งานได้ทุกที่ แต่ข้อจำกัดคือระยะเวลาการใช้งานที่ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ และอาจต้องชาร์จแบตเป็นระยะ

วิธีเลือกเครื่องดูดฝุ่นในรถให้เหมาะกับการใช้งาน

  1. ความแรงของเครื่องดูดฝุ่น ความแรงของเครื่องดูดฝุ่นในรถวัดจากค่า PA (Pascal) และกำลังวัตต์ (W) ค่า PA ยิ่งสูงยิ่งแสดงถึงพลังดูดที่แรงขึ้น ในขณะที่กำลังวัตต์สูงอาจแปลว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้นควรพิจารณาควบคู่กัน เช่น เครื่องดูดฝุ่นที่มีแรงดูด 13,000 PA มักจะเหมาะสำหรับการดูดฝุ่นละเอียดและเศษเล็ก ๆ ในรถ
  2. ขนาดความจุของถังเก็บฝุ่น ขนาดของถังเก็บฝุ่นควรเลือกตามลักษณะการใช้งาน ถ้ารถมีฝุ่นมากหรือมีการใช้งานบ่อย ควรเลือกเครื่องที่มีถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่เพื่อลดความถี่ในการเทฝุ่น แต่ถ้าใช้งานเบา ๆ หรือเพียงเพื่อดูดฝุ่นเล็กน้อย เครื่องที่มีถังขนาดเล็กก็เพียงพอ
  3. น้ำหนักและเสียงของเครื่องดูดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นที่น้ำหนักเบาจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทำความสะอาดในพื้นที่แคบหรือมุมที่เข้าถึงยาก ควรเลือกเครื่องที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม นอกจากนี้ระดับเสียงก็สำคัญ ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงต่ำกว่า 72 เดซิเบล เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวน
  4. แหล่งพลังงานของเครื่องดูดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นในรถมีทั้งแบบใช้สายไฟและแบบไร้สาย หากเลือกแบบใช้สายไฟต้องแน่ใจว่ารถมีปลั๊กไฟหรือช่องจุดบุหรี่สำหรับใช้งาน ในขณะที่แบบไร้สายจะสะดวกกว่าแต่ต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการชาร์จและการใช้งาน
  5. ฟังก์ชันเสริมของเครื่องดูดฝุ่น ฟังก์ชันเสริมเช่น ไฟ LED สำหรับส่องในที่มืด หรือหัวดูดที่หลากหลายสำหรับการทำความสะอาดในซอกมุมแคบ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน นอกจากนี้ระบบกรอง HEPA ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ควรพิจารณาเพราะช่วยกรองฝุ่นละเอียดและสารก่อภูมิแพ้

แนะนำเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ รุ่นยอดนิยม ใช้งานง่าย พลังดูดแรง สะอาดทุกซอกมุม

1. Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Mini

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายจาก Xiaomi ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์มินิมอล ขนาดกะทัดรัดเท่าขวดน้ำ แต่พลังดูดไม่เล็กตาม! แรงดูดสูงถึง 13,000 Pa พร้อมไส้กรอง HEPA ที่ช่วยกรองฝุ่นละเอียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับระดับแรงดูดได้ 2 ระดับ เหมาะสำหรับการดูดฝุ่นตามซอกมุมในรถยนต์ ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 30 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง น้ำหนักเบาเพียง 500 กรัม พกพาสะดวก ไม่กินพื้นที่ในรถเลย

ราคา: ประมาณ 1,559 บาท

2. Electrolux ZB5203SW

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายจาก Electrolux ที่มาพร้อมแรงดูดแบบไซโคลน ช่วยให้กำจัดฝุ่นได้อย่างหมดจด ฐานเครื่องมีล้อเล็ก ๆ ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายโดยไม่ต้องยกให้เมื่อยมือ ระบบกรอง 2 ชั้น แยกฝุ่นหยาบและละเอียด ช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้งานได้ต่อเนื่อง 25 นาที ตัวเครื่องสีขาวหรูหรา น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวกแม้ในพื้นที่แคบ

ราคา: ประมาณ 1,590 บาท

3. Pando 2 in 1 Car Mini Vacuum Cleaner and Air Purifier

เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ไม่ใช่แค่ทำความสะอาด แต่ยังช่วยฟอกอากาศภายในรถด้วยระบบ Ionizer ประจุลบ ช่วยลดกลิ่นอับและฝุ่นละอองในอากาศ ตัวเครื่องมีไส้กรอง HEPA และหัวดูดให้เลือกใช้งานทั้งแบบแปรงและแบบหัวแคบ ใช้งานโหมดดูดฝุ่นได้ต่อเนื่อง 12 นาที และโหมดฟอกอากาศได้ถึง 12 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความสะอาดและอากาศบริสุทธิ์ในรถยนต์

ราคา: ประมาณ 1,990 บาท

4. Baseus A1 Car Vacuum Cleaner

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์แบบไร้สายที่มีดีไซน์ล้ำสมัยและขนาดกะทัดรัด มาพร้อมแรงดูด 4,000 Pa และไส้กรอง HEPA ที่กรองฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องทำงานเสียงเงียบเพียง 65 เดซิเบล ไม่รบกวนผู้โดยสารในรถ ใช้งานต่อเนื่องได้ 25 นาทีหลังจากการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะสำหรับการดูดฝุ่นในซอกมุมเล็ก ๆ ของรถยนต์

ราคา: ประมาณ 1,279 บาท

5. Remax Vacuum Cleaner XC-2

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์แบบพกพาที่มาพร้อมด้ามจับถนัดมือและไฟ LED สีเขียวช่วยส่องให้เห็นฝุ่นได้ชัดเจนมากขึ้น พลังดูดสูงถึง 6,000 Pa และสามารถปรับระดับแรงดูดได้ 2 ระดับ นอกจากจะดูดฝุ่นได้แล้ว ยังสามารถเป่าฝุ่นได้อีกด้วย ใช้ไส้กรองนาโนที่สามารถล้างทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ราคา: ประมาณ 699 บาท

6. JAMAY V01

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายขนาดพกพาที่มาพร้อมแรงดูดทรงพลังถึง 20,000 Pa สามารถกำจัดฝุ่นละออง เส้นผม และขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างหมดจด ตัวไส้กรองสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ มีถังเก็บฝุ่นขนาด 130 มล. ใช้งานได้ต่อเนื่อง 15 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการทำความสะอาดรถยนต์

ราคา: ประมาณ 1,299 บาท

7. Deli Handheld Car Vacuum Cleaner

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีน้ำหนักเบาเพียง 500 กรัม พร้อมแรงดูด 5,000 Pa และมาพร้อมไส้กรอง HEPA ที่สามารถถอดล้างได้ ตัวเครื่องมาพร้อมหัวดูดถึง 3 แบบ ทั้งหัวแปรง หัวฉีดแบบยาว และท่อสายยาง ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ในทุกพื้นที่ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเบาะ ผ้าม่าน หรือซอกมุมแคบ ๆ

ราคา: ประมาณ 1,299 บาท

8. Aston Car Vacuum Cleaner

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์ สามารถเสียบปลั๊กกับช่องจุดบุหรี่ในรถได้ทันที ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ทำให้สะดวกในการพกพา สายไฟยาว 75 ซม. ช่วยให้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงทั้งภายในรถ ใช้ได้เฉพาะกับไฟรถยนต์เท่านั้น

ราคา: ประมาณ 599 บาท

9. Black&Decker WD7201G-B1

เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถดูดฝุ่นแห้งและน้ำได้ในเครื่องเดียว หัวดูดถูกออกแบบมาให้กว้างขึ้นเพื่อดูดสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานแบบไร้สายและมาพร้อมแท่นชาร์จไฟ ตัวเครื่องมีหัวดูดเสริมให้เลือกใช้ถึง 3 แบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายในฟังก์ชันการใช้งาน

ราคา: ประมาณ 2,060 บาท

10. Lydsto Car Vacuum Cleaner

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ที่มาพร้อมมอเตอร์แรงดูดสูงและระบบกรองคู่ เพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สามารถปรับระดับแรงดูดได้ 2 ระดับ ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 25 นาที ตัวเครื่องดีไซน์เรียบง่ายแต่ทันสมัย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก

ราคา: ประมาณ 2,000 บาท

ข้อดีของการใช้เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

การใช้เครื่องดูดฝุ่นในรถช่วยให้รถสะอาดและลดปริมาณฝุ่นละอองที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความใหม่ของภายในรถ ทำให้เบาะและพรมมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถยนต์

การดูแลและบำรุงรักษาเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

เพื่อให้เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ใช้งานได้ยาวนาน ควรทำความสะอาดไส้กรองอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะรุ่นที่มีไส้กรอง HEPA ที่สามารถถอดล้างได้ นอกจากนี้ควรตรวจสอบแบตเตอรี่และชาร์จไฟตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่

การมีเครื่องดูดฝุ่นในรถที่ทรงพลังและใช้งานง่ายช่วยให้การดูแลรถเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องไร้สายที่สะดวกต่อการพกพา หรือเครื่องมีสายที่ให้พลังดูดเต็มที่ ทุกตัวเลือกมีข้อดีที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน เช่นเดียวกับ เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ จาก insurverse ที่ให้คุณเลือกความคุ้มครองได้ตามใจ ไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น และมั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งรถและเจ้าของก็จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด!

5 คำถามที่พบบ่อย

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์สามารถดูดน้ำได้หรือไม่?

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์บางรุ่นสามารถดูดน้ำหรือของเหลวได้ แต่ไม่ใช่ทุกเครื่องจะมีคุณสมบัตินี้ ควรตรวจสอบรายละเอียดของเครื่องก่อนซื้อว่าเป็นรุ่นที่รองรับการดูดแบบแห้งและเปียกหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเครื่อง

เครื่องดูดฝุ่นในรถต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการเปลี่ยนไส้กรองขึ้นอยู่กับการใช้งานและประเภทของไส้กรอง หากใช้ไส้กรอง HEPA หรือนาโนที่สามารถถอดล้างได้ ควรทำความสะอาดทุก 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นไส้กรองที่ไม่สามารถล้างได้ แนะนำให้เปลี่ยนทุก 3-6 เดือนหรือเมื่อรู้สึกว่าแรงดูดลดลง

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์สามารถใช้ในบ้านได้หรือไม่?

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์แบบไร้สายสามารถใช้ในบ้านได้โดยไม่มีปัญหา แต่สำหรับเครื่องแบบมีสายที่ออกแบบให้ใช้กับช่องจุดบุหรี่ในรถ อาจต้องมีอะแดปเตอร์แปลงไฟสำหรับใช้งานในบ้าน ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ก่อนใช้

ควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นในรถแบบมีสายหรือไร้สาย?

หากต้องการพลังดูดที่แรงและใช้งานต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าต้องการความสะดวกในการพกพาและไม่อยากยุ่งกับสายไฟ รุ่นไร้สายจะเหมาะกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งานของแต่ละคน

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ส่งเสียงดังมากแค่ไหน?

ระดับเสียงของเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ทั่วไปอยู่ระหว่าง 60-78 เดซิเบล ซึ่งเสียงประมาณนี้จะคล้ายกับเสียงพูดคุยทั่วไปหรือเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หากต้องการเครื่องที่เสียงเงียบ ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงต่ำกว่า 65 เดซิเบล เพื่อความสะดวกในการใช้งานโดยไม่รบกวนผู้โดยสาร

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย