vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ยางแบนเกิดจากอะไร? วิธีแก้ปัญหาฉุกเฉินที่คนขับรถควรรู้

ยางแบน เรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่รู้วิธีจัดการ!

schedule
share

ลองนึกภาพว่าขับรถเพลิน ๆ อยู่ดี ๆ พวงมาลัยเริ่มหนัก รถเริ่มหนืด แล้วก็พบว่าตัวเองติดอยู่กลางทางเพราะยางแบน! ซึ่งสาเหตุของยางแบนมันมีหลายอย่าง ตั้งแต่โดนตะปูแอบแทง ลมยางไม่พอดี หรือแม้แต่ยางเสื่อมสภาพจากการใช้งานนานเกินไป แต่ไม่ต้องกังวล เพราะบทความนี้จะพาไปดูทั้งสาเหตุ วิธีสังเกต และวิธีแก้ไขแบบละเอียดยิบ พร้อมเคล็ดลับการดูแลยางให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้ 

และที่สำคัญ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ ก่อนออกเดินทาง เพราะการมีประกันภัยรถยนต์ที่ช่วยจัดการปัญหายางแบนได้ทันทีอย่าง insurverse ก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้การขับรถไม่ต้องมาลุ้นว่าจะเจอยางแบนกลางทางหรือเปล่า เพราะทุกอย่างจัดการได้ง่าย ๆ ผ่านออนไลน์ 100% แบบไม่ต้องง้อใคร

ยางแบนเกิดจากอะไรได้บ้าง?

ใครเคยขับรถเพลิน ๆ อยู่ดี ๆ แล้วรู้สึกว่ารถมันหนืด ๆ หรือพวงมาลัยเริ่มหนักขึ้นบ้าง? ใช่เลย! นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ายางแบนเข้าให้แล้ว ซึ่งสาเหตุของยางแบนมันมีมากกว่าที่คิด ลองมาดูแบบละเอียดกันหน่อยดีกว่า

  1. โดนของแหลมแทง
    เศษตะปู หินแหลม ๆ หรือกระจกแตกบนถนนเป็นตัวการเบอร์หนึ่งที่ทำให้ยางแบน บางทีแค่ขับผ่านที่ก่อสร้าง หรือซอยที่มักมีเศษวัสดุพวกนี้ก็กดดันใจพอแล้ว เพราะของแหลมพวกนี้ไม่เลือกเหยื่อ จะรถใหม่ รถเก่า ก็โดนเหมือนกัน ถ้าโดนแทงแบบเบา ๆ ลมอาจจะรั่วช้า ๆ จนไม่รู้ตัว แต่ถ้าโดนหนัก ๆ แบบตะปูใหญ่แทงเต็มแรง ยางอาจจะระเบิดเสียงดังสนั่น เหมือนในหนังแอ็คชั่น!
  2. ลมยางไม่พอดี
    การปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไปไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเมื่อยางอ่อน หน้ายางจะสัมผัสกับถนนมากขึ้น ทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ยางที่บวมจากการขับลมอ่อนบ่อย ๆ ก็มีโอกาสแบนได้ง่าย ส่วนลมยางที่แข็งเกินไปก็ใช่ว่าดี เพราะมันทำให้ยางแข็งโป๊ก ไม่ยืดหยุ่น เวลาเจอหลุมบ่อหรือถนนขรุขระ ยางอาจแตกได้ง่ายกว่าเดิม เรียกได้ว่าลมยางนี่ต้องพอดี ๆ เหมือนการชงกาแฟ ใส่เยอะไปก็ไม่อร่อย ใส่น้อยไปก็จืดชืด
  3. วาล์วยางรั่ว
    วาล์วยางคือตัวเล็ก ๆ ที่มีบทบาทใหญ่ ถ้าวาล์วเสื่อมหรือหลวม ลมจะค่อย ๆ รั่วออกทีละนิด ซึ่งบางครั้งยางอาจดูปกติ แต่พอขับไปเรื่อย ๆ ลมยางลดลงแบบไม่รู้ตัว สุดท้ายยางแบนไปแบบงง ๆ วิธีเช็คง่าย ๆ คือใช้น้ำสบู่ทาที่วาล์วแล้วดูว่ามีฟองอากาศขึ้นมาหรือไม่ ถ้ามี ก็แปลว่าวาล์วมีปัญหาแล้วล่ะ
  4. ยางเสื่อมสภาพ
    ยางรถก็มีอายุเหมือนรองเท้า ใช้นานไปมันก็เสื่อม บางคนจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้ขยับ ยางจะเกิดรอยแตกเล็ก ๆ บริเวณแก้มยาง ซึ่งเป็นจุดที่บอบบางที่สุด ยิ่งถ้ายางมีอายุเกิน 4-5 ปี แม้จะยังดูดีก็ตาม แต่ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงลดลงมาก ทำให้ลมรั่วออกง่ายกว่าเดิม
  5. ล้อแม็กซ์เบี้ยวหรือแตก
    ขับรถตกหลุมบ่อย ๆ หรือชนขอบฟุตบาทแบบแรง ๆ ไม่ใช่แค่ยางที่ได้รับผลกระทบ ล้อแม็กซ์ก็อาจจะเบี้ยวหรือร้าวได้ ซึ่งพอล้อเสียรูป มันจะทำให้ยางไม่แนบสนิทกับล้อ ลมจึงรั่วออกมาได้ง่าย ถ้ารู้สึกว่าขับแล้วรถสั่น ๆ แปลก ๆ อาจจะต้องลองเช็คดูที่ล้อแม็กซ์ด้วย

วิธีสังเกตอาการยางแบน

บางทีขับอยู่แล้วไม่รู้ตัวว่ายางแบน จนกว่าจะสายเกินไป ลองดูวิธีสังเกตพวกนี้ดู

  • รถเอียงข้าง
    ขับรถอยู่ดี ๆ แล้วรู้สึกว่ารถมันเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ทั้งที่ถนนก็เรียบดี นี่แหละ สัญญาณชัดเจนว่ายางฝั่งนั้นอาจมีปัญหา ลองจอดรถในที่เรียบแล้วดูจากด้านหลังหรือด้านหน้า ถ้ารถดูเอียงนิด ๆ ยางนั่นแหละตัวดี
  • พวงมาลัยหนักหรือสั่น
    เวลายางแบน น้ำหนักของรถจะกระจุกอยู่ที่ยางนั้น ทำให้พวงมาลัยรู้สึกหนักขึ้น หรือสั่นผิดปกติ โดยเฉพาะเวลาขับเร็ว ๆ ถ้ารู้สึกแบบนี้รีบหาที่จอดปลอดภัยแล้วตรวจดูยางด่วน ๆ
  • เสียงวิ่งแปลก ๆ
    ขับอยู่ดี ๆ แล้วได้ยินเสียง “กึก กึก” หรือเสียงยางเสียดสีกับพื้นถนนที่ดังแปลก ๆ อาจเป็นสัญญาณว่ายางแบน หรือกำลังจะเสียหาย ลองฟังเสียงรถตัวเองให้คุ้นเคย แล้วจะจับได้ง่ายขึ้นเมื่อมีอะไรไม่ปกติ
  • ไฟเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
    ในรถรุ่นใหม่ ๆ ถ้าไฟเตือนนี้กระพริบขึ้นมา อย่ารอช้า รีบหาที่จอดปลอดภัยเพื่อตรวจสอบทันที

วิธีแก้ปัญหายางแบนแบบไม่ต้องโทรเรียกใคร

ติดอยู่กลางทางแล้วเจอยางแบน ไม่ต้องตกใจ ลองใช้วิธีพวกนี้ดู

  1. ใช้ชุดปะยางฉุกเฉิน
    รถรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีชุดปะยางฉุกเฉินติดมาให้ ซึ่งชุดนี้เป็นน้ำยาอุดรอยรั่วที่ใช้ได้ง่ายมาก แค่ฉีดน้ำยาเข้าไปในยางผ่านวาล์ว เติมลมเพิ่มนิดหน่อย ก็ขับต่อไปได้แล้ว แต่ต้องระวังว่านี่เป็นแค่การแก้ปัญหาชั่วคราวนะ ควรรีบไปปะยางถาวรหรือเปลี่ยนยางใหม่
  2. เปลี่ยนยางอะไหล่
    ถ้ามียางอะไหล่ติดรถไว้ ก็สามารถเปลี่ยนได้เลย วิธีนี้อาจจะต้องใช้แรงหน่อย แต่ก็ช่วยให้ไปต่อได้ทันที แต่ต้องแน่ใจว่ายางอะไหล่มีลมพอและอยู่ในสภาพดี ไม่งั้นจะเปลี่ยนไปก็ช่วยอะไรไม่ได้
  3. ใช้ปั๊มลมไฟฟ้า
    บางครั้งยางแบนเพราะลมอ่อน ไม่ได้รั่วจริง ๆ ใช้ปั๊มลมไฟฟ้าเติมลมแล้วขับต่อได้ แต่ควรตรวจสอบหาสาเหตุหลังจากนั้นว่าทำไมลมถึงลดลง เพราะถ้ามีรอยรั่วจริง ๆ ยางอาจแบนอีกครั้งในไม่ช้า
  4. เรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
    ถ้าทำเองไม่ไหว หรือไม่มีอุปกรณ์ติดรถ โทรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจากบริษัทประกันหรือบริการรถยกก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะพวกเขามีเครื่องมือครบครันและสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็ว

ป้องกันยางแบนยังไงดี?

ไม่อยากเจอยางแบนบ่อย ๆ ลองทำตามนี้

  • เช็คลมยางเป็นประจำ
    ควรเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง และปรับลมตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถ การขับรถด้วยลมยางที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดโอกาสยางแบน แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันและยืดอายุการใช้งานของยางด้วย
  • ตรวจเช็คสภาพยาง
    หมั่นสังเกตว่ามียางแตก รอยฉีกขาด หรือหน้ายางสึกไม่เท่ากันหรือไม่ การตรวจสอบยางเป็นประจำจะช่วยให้พบปัญหาได้ก่อนที่จะลุกลามใหญ่โต
  • ไม่บรรทุกของหนักเกินไป
    น้ำหนักเกินจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและเสี่ยงต่อการแบน ควรตรวจสอบน้ำหนักที่บรรทุกไม่ให้เกินกว่าที่รถรองรับได้
  • หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีของแหลมคม
    ถ้ารู้ว่ามีถนนที่มักมีเศษตะปูหรือหินแหลม ๆ เลี่ยงไปเส้นทางอื่นดีกว่า เพราะถึงแม้จะขับระวังแค่ไหน แต่ของแหลมก็แอบซ่อนอยู่เสมอ
  • หมุนเวียนยาง (Rotation)
    ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เพื่อให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
  • ตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อให้ถูกต้อง
    ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและลดโอกาสการเกิดยางแบนได้

ยางแบนกับยางรั่ว ต่างกันยังไง? รู้ไว้จะได้ไม่งง

หลายคนอาจสับสนระหว่างยางแบนกับยางรั่ว ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันต่างกัน

  • ยางแบน: ยางเสียแรงดันลมจนไม่สามารถขับได้ตามปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ
  • ยางรั่ว: ยางมีรูรั่วซึ่งทำให้ลมออกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

ถ้าเป็นยางแบนชั่วคราว การเติมลม อาจช่วยให้กลับมาใช้งานได้ แต่ถ้าเป็นยางรั่ว ต้องปะยางหรือเปลี่ยนยางใหม่ ทันที การรู้ความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณไม่โดนร้านซ่อมรถหลอกขายยางใหม่ในกรณีที่ยางแค่แบนชั่วคราว

ยางแบนกลางทาง ทำไงดีไม่ให้เสียเวลา?

ถ้ายางแบนขณะขับรถ สิ่งสำคัญคือลดความเร็วลงอย่างช้า ๆ ไม่ควรเบรกกะทันหันเพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ เมื่อหาที่จอดปลอดภัยได้แล้ว ให้ทำตามนี้

  • เปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อแจ้งเตือนรถคันอื่น ๆ
  • ถ้ามี ยางอะไหล่และเครื่องมือพร้อม สามารถเปลี่ยนยางได้เองโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือ
  • ถ้าไม่แน่ใจหรือไม่มีอุปกรณ์ โทรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน การมีแอปพลิเคชันบริการฉุกเฉินติดมือถือช่วยให้คุณเรียกความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น

ยางแบนอันตรายไหม?

ยางแบนไม่ได้แค่ทำให้การขับขี่ไม่สะดวก แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง เพราะ

  • การยึดเกาะถนนลดลง เสี่ยงต่อการลื่นไถล โดยเฉพาะในสภาพถนนเปียกหรือโค้งแคบ
  • เพิ่มระยะเบรก ทำให้หยุดรถได้ช้าลง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ในกรณีฉุกเฉิน

ขับรถแบบไหนเสี่ยงยางแบนมากขึ้น?

บางทีพฤติกรรมการขับรถก็ทำให้ยางแบนเร็วขึ้นได้

  • ขับเร็วแล้วเบรกกะทันหัน
    แรงกระแทกจากการเบรกแรง ๆ ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบเบรกเสื่อมสภาพ แต่ยังเพิ่มโอกาสที่ยางจะได้รับความเสียหายได้ด้วย เพราะแรงเบรกที่กระจุกไปที่ยางอาจทำให้ยางเสียรูปหรือเกิดความร้อนสะสม
  • ขับผ่านหลุมบ่อโดยไม่ชะลอ
    การขับผ่านหลุมบ่อโดยไม่ชะลอความเร็ว อาจทำให้ยางและล้อได้รับความเสียหาย การขับระวังและลดความเร็วเมื่อต้องเจอถนนขรุขระจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้
  • ขับรถปีนขอบฟุตบาทบ่อย ๆ
    ยางอาจโดนบีบอัดจนเสียรูป ทำให้ลมรั่วออกได้ การขับขึ้นขอบฟุตบาทควรทำอย่างระมัดระวัง หรือเลี่ยงหากเป็นไปได้

สัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้ว

บางทีไม่ต้องรอให้แบนก่อนค่อยเปลี่ยน ถ้าเจออาการพวกนี้ รีบจัดการเลย

  • ดอกยางสึกจนเกือบเรียบ
    ดอกยางมีหน้าที่ช่วยในการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะเวลาฝนตกหรือถนนลื่น ถ้าดอกยางสึกจนเรียบ การยึดเกาะถนนจะลดลงมาก เสี่ยงต่อการลื่นไถลและยางแบนได้ง่ายขึ้น
  • ยางมีรอยแตกหรือบวม
    ยางที่มีรอยแตกเล็ก ๆ หรือบวมบ่งบอกว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ถ้ายังฝืนใช้ต่อไป อาจทำให้ยางระเบิดกลางทางได้
  • ยางมีอายุเกิน 5 ปี
    ถึงแม้หน้ายางยังดูดี แต่ถ้าอายุเกิน 5 ปี ควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่ เพราะยางที่เก่าเก็บจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เสี่ยงต่อการแบนหรือแตกได้ง่ายขึ้น

แค่นี้ก็พร้อมรับมือกับยางแบนแบบมือโปรแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะติดอยู่กลางทาง เพราะรู้ทันทุกปัญหาและวิธีแก้ไข!

แม้จะดูแลยางอย่างดีแค่ไหน แต่บางครั้งเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้ การมีประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น การช่วยเปลี่ยนยางหรือลากรถในกรณียางแบน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจ

insurverse เป็น ประกันรถชั้น 3+ ที่ให้คุณปรับแผนความคุ้มครองได้เอง ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น ทุกขั้นตอนตั้งแต่ซื้อประกันจนถึงการเคลมสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านระบบออนไลน์ 100% ไม่ต้องผ่านตัวแทน ให้คุณขับขี่อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตาม

5 คำถามที่พบบ่อย

ยางแบนต้องเปลี่ยนยางใหม่ทันทีหรือสามารถปะยางได้?

ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของรอยรั่ว ถ้ารั่วบริเวณหน้ายางและไม่ใหญ่เกินไป สามารถปะยางได้ แต่ถ้าเป็นที่แก้มยางหรือรอยรั่วใหญ่เกิน 6 มิลลิเมตร แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัย

ขับรถยางแบนไปได้ไกลแค่ไหนก่อนที่ยางจะเสียหายถาวร?

ถ้ายางแบนสนิท ไม่ควรขับต่อเกิน 1-2 กิโลเมตร เพราะจะทำให้โครงสร้างยางเสียหายถาวร และอาจกระทบถึงล้อแม็กซ์ด้วย แต่ถ้ายางแบนเล็กน้อยและยังมีลมเหลือบ้าง สามารถขับไปได้ระยะสั้น ๆ เพื่อหาที่จอดปลอดภัย

ยางแบนบ่อย ๆ มีผลกระทบต่อส่วนอื่นของรถหรือไม่?

มีผลแน่นอน! ยางแบนบ่อย ๆ จะทำให้ล้อเสียศูนย์ พวงมาลัยสึกหรอเร็วขึ้น และระบบช่วงล่างได้รับความเสียหาย เช่น ลูกหมากหรือโช้คอัพอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

ยางแบนเกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่?

ได้แน่นอน! อุณหภูมิที่เย็นลงทำให้แรงดันลมยางลดลง เพราะอากาศหดตัวเมื่อเย็นลง ในขณะที่อากาศร้อนจัดอาจทำให้ลมยางขยายตัวเกินพอดีและเพิ่มความเสี่ยงที่ยางจะระเบิด

ยางแบนตอนกลางคืนหรือในที่เปลี่ยวควรทำอย่างไรให้ปลอดภัย?

ก่อนอื่นให้เปิดไฟฉุกเฉินและหาที่จอดในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ หากไม่สามารถหาที่ปลอดภัยได้ ให้ขับช้า ๆ ไปยังจุดที่ปลอดภัยที่สุดโดยไม่เสี่ยงทำให้ยางเสียหายเพิ่ม ใช้กรวยหรืออุปกรณ์สะท้อนแสงวางไว้ด้านหลังรถเพื่อเตือนรถคันอื่น และถ้าไม่มั่นใจในการเปลี่ยนยางเอง ให้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหรือบริการฉุกเฉินที่เชื่อถือได้ ไม่แนะนำให้อยู่ในรถคนเดียวโดยไม่ล็อกประตูในที่เปลี่ยว

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย