• บทความ
• keyboard_arrow_right
• เคล็ดลับเรื่องรถ

เบี้ยประกันรถเก่าถูกกว่ารถใหม่จริงไหม?

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ของรถเก่าถึงมักถูกกว่ารถใหม่? ความจริงแล้ว อายุของรถเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาเบี้ยประกัน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่บริษัทประกันนำมาพิจารณาเพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดค่าเบี้ยที่เหมาะสม

บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์ และถ้าคุณใช้รถเก่า ควรเลือกทำประกันแบบใดถึงจะคุ้มค่าและประหยัดที่สุด

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์

1. รุ่นรถยนต์และความนิยมในตลาด

รุ่นรถของแต่ละแบรนด์รถยนต์มีผลต่อค่าเบี้ยโดยตรง โดยพิจารณาจากปัจจัย ดังนี้

• ความง่ายในการหาอะไหล่: รถรุ่นที่มีอะไหล่หาง่ายและราคาไม่แพง ค่าเบี้ยจะถูกกว่า เพราะซ่อมง่าย บริษัทประกันจ่ายน้อยลง
• ความเสี่ยงในการถูกขโมย: รถรุ่นยอดนิยม มักตกเป็นเป้าหมายของการโจรกรรม ส่งผลให้ค่าเบี้ยสูงขึ้นตามความเสี่ยง

2. ราคาฐานเบี้ยของแต่ละบริษัทประกันภัย

แต่ละบริษัทจะมีราคาฐานของเบี้ยประกันที่แตกต่างกัน โดยอิงจากข้อมูลสถิติ เช่น

• ประวัติการเคลมของรถรุ่นนั้น ๆ
• ความถี่ในการเกิดอุบัติเหตุ
• ต้นทุนในการซ่อมแซม

หากบริษัทพบว่ารถรุ่นใดมีความเสี่ยงต้องจ่ายเคลมสูง ก็จะปรับราคาเบี้ยให้สูงขึ้นตามไปด้วย

 3. ความคุ้มครองและทุนประกันที่เลือก

• ยิ่งทุนประกันสูง ความคุ้มครองครอบคลุมมาก ค่าเบี้ยก็จะยิ่งสูงตาม
• แต่หากคุณขับรถปลอดภัย ไม่เคยเคลม หรือไม่ต้องการคุ้มครองแบบเต็มรูปแบบ การเลือกแผนประกันที่ทุนประกันไม่สูงเกินไป หรือสามารถปรับลดความคุ้มครองได้ จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยอย่างเห็นได้ชัด

4. อายุของผู้เอาประกัน

บริษัทประกันมักพิจารณาอายุของผู้ขับขี่ร่วมด้วย เพราะส่งผลต่อพฤติกรรมในการขับขี่

• ผู้ขับขี่ที่มีอายุมาก (เช่น 35 ปีขึ้นไป) มักได้รับส่วนลดค่าเบี้ย เพราะมีแนวโน้มขับรถระมัดระวังมากกว่ากลุ่มวัยรุ่น
• กลุ่มอายุน้อยอาจถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า จึงได้ส่วนลดน้อยหรือไม่มีเลย

ยิ่งรถเก่า เบี้ยยิ่งถูก จริงไหม?

คำตอบคือ จริง รถเก่ามักมีค่าเบี้ยประกันต่ำกว่ารถใหม่ เนื่องจาก

• ความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมน้อยลง เมื่อเทียบกับรถใหม่ป้ายแดง
• มูลค่ารถลดลงทุกปี ตามการเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ทุนประกันและค่าเบี้ยลดลงด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้เบี้ยจะถูกลง แต่ก็ต้องแลกกับทุนประกันที่น้อยลงตามอายุของรถ หากคุณอยากให้คุ้มค่าที่สุด ควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์จากหลายบริษัท เพื่อดูว่าแผนไหนให้ความคุ้มครองที่พอเหมาะในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด

รถเก่าทำประกันได้ไหม? ควรเลือกแบบไหน?

แม้รถจะเก่า ก็ยังสามารถทำประกันได้ แต่อาจมีข้อจำกัดตามประเภทของประกันภัย เช่น

• ประกันรถยนต์ชั้น 1 – เหมาะกับรถอายุไม่เกิน 10 ปี (แต่ที่ insurverse รับอายุรถสูงสุดอยู่ที่ 15 ปี)
• ประกันชั้น 2+ และ 3+ – เหมาะกับรถอายุไม่เกิน 20 ปี มีความคุ้มครองทั้งกรณีรถชนและสูญหาย
• ประกันชั้น 3 – เหมาะกับรถอายุ 15-30 ปี ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อบุคคลภายนอก

ทั้งนี้ หากอ้างอิงจาก คปภ. ไม่ได้ระบุห้ามทำประกันชั้น 1 สำหรับรถเก่าเกิน 10 ปี เพียงแต่บริษัทประกันอาจมีเงื่อนไขเฉพาะที่ต้องตกลงกัน

สรุป: รถเก่าควรทำประกันแบบไหนดี?

• หากรถของคุณยังมีสภาพดี และคุณอยากได้ความคุ้มครองเต็มรูปแบบ อาจเลือกประกันชั้น 1 ได้ (ถ้าบริษัทประกันยินยอม)
• หากต้องการความคุ้มครองแบบพอดี ๆ ในราคาประหยัด ชั้น 2+ หรือ 3+ จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
• หรือหากรถใช้งานน้อย ขับเฉพาะใกล้บ้าน ประกันชั้น 3 ก็เพียงพอในราคาที่ถูกที่สุด

ไม่ว่ารถจะเก่ามากแค่ไหน การมีประกันติดไว้ก็ยังคงช่วยเพิ่มความอุ่นใจ และถ้าเลือกแผนประกันที่สามารถปรับได้เองตามความต้องการ ก็จะช่วยให้คุณได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมในราคาที่คุ้มค่าที่สุด