ปัญหารถยางแบน ยางรั่ว ลมยางอ่อน มักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะกับคนที่ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ เพราะยิ่งใช้รถมากเท่าไหร่ก็เสี่ยงเจอปัญหาเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องหนักใจมากนักหากปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ แต่หากรถยางรั่ว ยางแบน ระหว่างการขับขี่ควรทำอย่างไร นอกจากการหาร้านปะยางใกล้ฉันแบบด่วน ๆ แล้ว เชื่อว่าหลายคนสงสัยหากรถยนต์ยางรั่ว ควรฝืนขับต่อไปหรือควรหยุดดี บทความนี้มีคำตอบมาฝากพร้อมคำแนะนำดี ๆ ในการดูแลไม่ให้รถเกิดปัญหายางรั่ว ยางแบน
ก่อนจะไปดูว่าเมื่อรถยางรั่วระหว่างขับขี่ควรทำอย่างไร อยากให้ทราบก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ยางรั่วมีอะไรบ้าง โดยสาเหตุที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่
จะเห็นว่าปัญหารถยางรั่วเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วหลายคนสงสัยว่าแล้วควรทำอย่างไร ควรขับบดต่อหรือควรจอดระหว่างทาง? คำตอบคือเมื่อพบว่ารถยนต์ยางรั่ว ไม่ควรขับบดต่อเด็ดขาด นั่นเพราะยางรถยนต์อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ นอกจากส่งผลให้การทรงตัวบนท้องถนนทำได้ไม่ดีแล้ว การบังคับพวงมาลัยรถยนต์ยังทำได้ยาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญยังทำให้ยางเสียหายมากกว่าเดิมอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อพบว่ารถยางรั่วระหว่างขับขี่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตั้งสติและค่อย ๆ พารถเข้าไหล่ทางหรือจุดใกล้เคียงที่คิดว่าปลอดภัยมากที่สุด ที่สำคัญต้องเป็นพื้นเรียบ ไม่แนะนำให้จอดบริเวณทางลาดเด็ดขาด ตามด้วยการเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้รถคันอื่นสังเกตได้ง่าย ลดการเกิดอุบัติเหตุ หลังจากพารถเข้าไหล่ทางแล้วจึงเริ่มซ่อมแซมยางด้วยชุดปะยางฉุกเฉิน หากไม่มีแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ยางอะไหล่แทนก่อน จากนั้นจึงค่อยติดต่อศูนย์บริการหรือร้านยางในละแวกใกล้เคียง
ควรสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่ยางรถยนต์หรือไม่ เพราะบางครั้งอาจมีพวกตะปูหรือนอตฝังอยู่ ส่งผลให้ยางรถรั่วซึม และควรสังเกตว่าลมยางอ่อนไวกว่าปกติหรือไม่ หากพบว่ายางอ่อนผิดปกติทั้งที่เพิ่งเติมลมยางมา ควรให้ศูนย์บริการช่วยตรวจสอบอีกครั้ง
โดยเฉพาะการขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ เขตก่อสร้าง พื้นที่หลุมบ่อ เพราะบริเวณเหล่านี้ส่งผลต่อการทำให้แก้มยางปริแตกได้ง่ายกว่าพื้นถนนทั่วไป
อีกหนึ่งวิธีป้องกันไม่ให้รถยนต์ยางรั่ว นั่นคือควรตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เสมอ เนื่องจากเมื่อใช้งานนาน ๆ ยางรถยนต์จะเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ ดอกยางรถยนต์จะค่อย ๆ หายไป อีกทั้งยางรถยนต์ยังมีอายุการใช้งานจำกัด นั่นคือประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรืออายุการใช้งาน 3 – 4 ปี โดยควรเช็กสภาพยางอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน
เมื่อทราบแล้วว่ารถยนต์ยางรั่ว ไม่ควรขับต่อ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลยางรถยนต์ให้ดีด้วยการเช็กลมยางสม่ำเสมอควบคู่กับการตรวจสภาพรถยนต์เป็นประจำ อย่างน้อยหากพบว่ายางรถเริ่มมีปัญหาจะได้เปลี่ยนหรือป้องกันได้ทัน ไม่อย่างนั้นแล้วอาจทำให้เกิดอุบัติภายหลัง และนอกจากการดูแลยางรถยนต์แล้ว เพื่อความอุ่นใจก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 3 ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 2 ประกันชั้น 2+ ไปจนถึงประกันชั้น 1 เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างน้อยยังมีประกันรถคอยดูแลค่าใช้จ่าย โดยสามารถ เช็กค่าเบี้ยประกัน เปรียบเทียบความคุ้มครอง รวมถึงซื้อประกันที่ต้องการได้ที่ insurverse
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การดูแลรถยนต์ไม่ได้มีแค่การล้างให้สะอาด หรือเติมน้ำมันให้เต็ม แต่ยังมีเรื่อง "การเช็คระยะ" ที่เป็นเหมือนกับการตรวจสุขภาพให้รถของคุณ
การเลือกรถยนต์ไม่ได้มีแค่ดูดีไซน์หรือฟีเจอร์ภายใน แต่ยังต้องเข้าใจ "แรงม้า" และ "แรงบิด" ที่เป็นตัวชี้วัดสมรรถนะของเครื่องยนต์อีกด้วย
ใบขับขี่สากล หรือ International Driving Permit (IDP) เป็นเอกสารที่อนุญาตให้คุณขับขี่ยานพาหนะในต่างประเทศได้ตามกฎหมาย โดยใบขับขี่สากลนี้ใช้ร่วมกับใบขับขี่ในประเทศไทยของคุณ