vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
honda wrv

Honda WRV รถครอสโอเวอร์คันเล็ก สเปคดี ฟังก์ชันครบ จัดเต็มแค่ไหน?

schedule
share

เบื่อไหมกับการหารถคันใหม่ที่ครบเครื่องทั้งความปลอดภัย ดีไซน์สวย และใช้งานได้จริง Honda WR-V นี่แหละคำตอบ! รถเอสยูวีไซส์เล็กที่ออกแบบมาเพื่อคนเมือง ขับง่าย ลุยได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองที่แสนจะแออัด หรือจะออกต่างจังหวัดชิล ๆ ก็ไม่มีปัญหา จิ๋วแต่แจ๋วแบบนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาด

ดีไซน์ภายนอกสุดปัง พร้อมพาคุณลุยทุกเส้นทาง

Honda WR-V มากับดีไซน์ที่โดดเด่นในทุกมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า LED ที่คมชัดจนใคร ๆ ก็ต้องเหลียวมอง รวมถึงเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ออกแบบมาให้ดูสปอร์ตและมีพลัง ด้านท้ายยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยและลงตัว

ล้อแม็กซ์ลายสวยช่วยเพิ่มความเท่ในทุกการเดินทาง จะในเมืองหรือนอกเมือง Honda WR-V ก็พร้อมพาคุณไปด้วยสไตล์ที่ใครก็ต้องเหลียวมอง

Honda WR-V มากับดีไซน์โฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง ไม่ว่าคุณจะขับในเมืองหรือออกนอกเมือง การมีรถที่พร้อมทุกการเดินทางก็เหมือนการเลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ใช่ insurverse ช่วยให้คุณวางใจได้ด้วยขั้นตอนซื้อที่ง่าย สะดวก และประหยัดเวลา จะเลือกประกันที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะ insurverse เป็นประกันออนไลน์ 100% ที่ครบจบในที่เดียว

สมรรถนะเครื่องยนต์ที่มาพร้อมประสิทธิภาพ

Honda WR-V มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร i-VTEC ที่ให้กำลังสูงสุด 89 แรงม้า ฟังดูแล้วอาจรู้สึกตัวเลขไม่ได้เยอะแบบแรงจี๊ดจ๊าด แต่ขอบอกว่าความสมดุลที่เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้มานั้นตอบโจทย์สำหรับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะขับชิลในเมืองหรือออกต่างจังหวัด

อธิบายอย่างละเอียด i-VTEC คืออะไร?

i-VTEC (Intelligent Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) เป็นเทคโนโลยีระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วที่พัฒนาโดย Honda เพื่อเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ทั้งในด้านพลังและความประหยัดน้ำมัน รวมถึงช่วยลดมลพิษที่ปล่อยออกมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ชื่อเต็มของมันอาจจะฟังดูยาว แต่ถ้าอธิบายง่าย ๆ คือ i-VTEC ทำหน้าที่ “ปรับการทำงานของวาล์วให้เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์”

ระบบทำงานอย่างไร?

ปกติแล้วเครื่องยนต์จะมี วาล์วไอดี และ วาล์วไอเสีย ที่ทำหน้าที่เปิด-ปิดเพื่อให้อากาศเข้าและปล่อยไอเสียออก โดยในระบบ i-VTEC จะเพิ่มกลไกที่สามารถ ปรับระยะเวลาและจังหวะในการเปิด-ปิดวาล์ว ได้อย่างชาญฉลาดตามรอบเครื่องยนต์

  • รอบต่ำ: i-VTEC จะปรับการเปิดวาล์วให้เหมาะกับการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เช่น การขับในเมืองหรือการเคลื่อนตัวในจราจรติดขัด
  • รอบสูง: เมื่อคุณเร่งเครื่องยนต์ ระบบจะเปลี่ยนไปใช้จังหวะการเปิดวาล์วที่เหมาะกับการดึงพลังงานออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ได้สมรรถนะที่แรงขึ้นสำหรับการเร่งแซงหรือการขับขี่แบบสายลุย

จุดเด่นของ i-VTEC

  1. ประหยัดน้ำมันสุด ๆ การปรับการทำงานของวาล์วให้เหมาะสมกับรอบเครื่องช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่ต้องใช้รอบต่ำบ่อย ๆ
  2. แรงแต่ยังนุ่มนวล เมื่อคุณเหยียบคันเร่ง ระบบ i-VTEC จะช่วยเพิ่มแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์ให้คุณได้พลังแบบจัดเต็ม แต่การทำงานยังคงราบรื่น ไม่กระชาก
  3. ลดการปล่อยมลพิษ ระบบนี้ออกแบบมาให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่งผลให้ปล่อยก๊าซ CO2 และมลพิษอื่น ๆ ออกมาน้อยลง
  4. ตอบสนองทุกสไตล์การขับขี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายประหยัดหรือสายซิ่ง i-VTEC ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดี เพราะระบบปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบการขับขี่แบบอัตโนมัติ

สำหรับ Honda WR-V ระบบ i-VTEC ถูกติดตั้งในเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า และแรงบิด 145 นิวตันเมตร ช่วยให้การขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองเป็นไปอย่างคล่องตัว คุณจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลในรอบต่ำ และความแรงทันใจเมื่อเร่งเครื่อง ไม่ว่าคุณจะต้องลุยขึ้นเขาหรือวิ่งบนถนนโล่ง ๆ i-VTEC ก็พร้อมมอบสมรรถนะที่ตอบสนองได้ทุกจังหวะการขับขี่

ระบบเกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission)

Honda WR-V ใช้เกียร์แบบ CVT ซึ่งไม่เหมือนกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป เพราะมันไม่มี “เกียร์” แบบเป็นขั้น ๆ ให้รู้สึกถึงจังหวะเปลี่ยนเกียร์เหมือนที่เราคุ้นเคย แต่ระบบนี้จะปรับอัตราทดเกียร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้การขับขี่นุ่มนวล ไม่มีสะดุด โดยเฉพาะเวลาขับในเมืองที่รถติดหนัก ๆ หรือขับทางไกลที่ต้องการความสบาย ระบบนี้ช่วยให้รถมีการตอบสนองที่ไวขึ้น และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีอีกด้วย

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าขับ WR-V ด้วยเกียร์ CVT คุณจะรู้สึกเหมือนรถมันลื่นไหลไปเอง ไม่กระตุก ไม่ต้องกลัวว่าเวลาจะเร่งแซงแล้วจังหวะเกียร์มันจะดึงจนสะดุด เพราะทุกอย่างมันต่อเนื่องเหมือนเล่นสไลเดอร์

อธิบายอย่างละเอียด เกียร์ CVT คืออะไร?

เกียร์ CVT หรือชื่อเต็มคือ Continuously Variable Transmission แปลแบบง่าย ๆ คือระบบเกียร์อัตโนมัติที่ไม่มีขั้นเกียร์แบบตายตัวเหมือนเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้การเปลี่ยนอัตราทดเกียร์เป็นไปอย่าง ต่อเนื่อง และ นุ่มนวล แบบไม่รู้สึกถึงจังหวะเปลี่ยนเกียร์เลย

ทำงานอย่างไร?

แทนที่จะใช้เฟืองเกียร์หลาย ๆ อันเหมือนเกียร์ทั่วไป CVT ใช้ระบบ พูลเลย์ (Pulley) และสายพานในการปรับอัตราทดเกียร์ สายพานจะเลื่อนขึ้นลงระหว่างพูลเลย์ทั้งสองฝั่งเพื่อเปลี่ยนอัตราทดอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขับขี่ไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเร่งเครื่องหรือเบรก

ลองนึกภาพจักรยานที่มีเกียร์ ระบบ CVT ก็เหมือนคุณปรับเกียร์จักรยานไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องมีจังหวะหยุดเปลี่ยน มันจะลื่นไหลไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อดีของเกียร์ CVT

  1. นุ่มนวล ไม่มีสะดุด
    เวลาขับรถที่ใช้เกียร์ CVT คุณจะไม่รู้สึกถึงการกระตุกหรือสะดุดเวลาเปลี่ยนเกียร์ เช่น ตอนเร่งแซงหรือชะลอรถ เพราะระบบนี้สามารถปรับอัตราทดได้อย่างต่อเนื่อง
  2. ประหยัดน้ำมัน
    CVT ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องยนต์ โดยปรับรอบเครื่องให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ ส่งผลให้กินน้ำมันน้อยลงเมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติแบบขั้น
  3. ตอบสนองเร็วทันใจ
    เพราะระบบไม่มีขั้นเกียร์ที่ตายตัว เวลาเร่งแซงหรือขับทางชัน CVT สามารถปรับอัตราทดให้เหมาะสมได้ทันที ทำให้ขับขี่ง่ายและไวกว่าในบางสถานการณ์

ข้อควรรู้เกี่ยวกับเกียร์ CVT

ถึงแม้เกียร์ CVT จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อควรรู้ที่สำคัญ

  • เกียร์ CVT เหมาะกับการขับขี่ที่เน้นความเรียบง่ายและความประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าคุณเป็นสายซิ่งที่ชอบความเร้าใจในเรื่องเสียงเครื่องยนต์และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ อาจรู้สึกว่ามัน “นิ่ง” เกินไป
  • การดูแลรักษา CVT ต้องระวังเรื่องน้ำมันเกียร์เป็นพิเศษ เนื่องจากระบบนี้ใช้สายพานที่ต้องการการหล่อลื่นที่เหมาะสม
Honda WR-V interior

พื้นที่ใช้สอยที่คุ้มเกินคาด

ห้องโดยสารภายใน Honda WR-V กว้างขวางแบบที่คุณต้องร้องว้าว เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับสัมภาระ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว จะเป็นกระเป๋าเดินทางหรือจักรยานเสือภูเขาก็ใส่ได้แบบสบาย ๆ

ด้านพื้นที่เก็บของก็ไม่ธรรมดา บูทท้ายกว้างจุใจ เก็บของได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นถุงช้อปปิ้งหรืออุปกรณ์ตั้งแคมป์ Honda WR-V ก็พร้อมจัดการให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

เหมาะกับทุกการขับขี่

สมรรถนะของ Honda WR-V ออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์ ถ้าขับในเมือง เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรของมันช่วยให้คล่องตัวมาก เพราะไม่เปลืองน้ำมัน แถมยังเลี้ยวได้ง่ายในพื้นที่แคบ ๆ ส่วนถ้าออกนอกเมือง ขับระยะไกล เครื่องยนต์นี้ก็ยังไหว ด้วยการปรับสมดุลที่เน้นความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก

ระบบช่วงล่างของ WR-V เองก็ทำออกมาได้ดี ช่วยซับแรงกระแทกบนถนนขรุขระได้อย่างยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับใครที่ต้องขับผ่านถนนในเมืองที่หลุมบ่อเป็นเหมือนงานศิลปะประจำถิ่น หรือออกไปเจอทางดินลูกรังตามต่างจังหวัด

ระบบเบรก ABS และ EBD

  • ABS (Anti-lock Braking System): ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกเมื่อเหยียบเบรกแรง ๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรีหรือล็อกแน่นเกินไป จนทำให้รถเสียการควบคุม โดยเฉพาะเวลาขับบนพื้นถนนลื่น เช่น ในช่วงฝนตก หรือถนนที่มีกรวดหิน
    ตัวอย่าง: ถ้าคุณต้องเหยียบเบรกกะทันหัน ระบบ ABS จะช่วยให้คุณยังสามารถควบคุมพวงมาลัยได้ และรถไม่ไถลไปในทิศทางที่ไม่ต้องการ
  • EBD (Electronic Brakeforce Distribution): ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้แรงเบรกถูกกระจายอย่างสมดุลไปยังล้อทั้งสี่ โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่กดลงบนแต่ละล้อ เช่น หากล้อหลังมีน้ำหนักบรรทุกมาก ระบบ EBD จะส่งแรงเบรกไปยังล้อหลังมากขึ้นเพื่อป้องกันการลื่นไถล

ระบบควบคุมการทรงตัว VSA

VSA (Vehicle Stability Assist) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์หลายจุดบนรถ โดยระบบจะตรวจจับการลื่นไถลหรือการเสียการทรงตัวในระหว่างเข้าโค้งหรือเร่งความเร็ว หากระบบตรวจพบว่ารถกำลังจะเสียการทรงตัว เช่น ล้อหน้าหรือหลังลื่น ระบบจะลดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวและเบรกเฉพาะล้อที่จำเป็นเพื่อดึงรถกลับมาอยู่ในเส้นทาง
ตัวอย่าง: ขณะที่คุณเข้าโค้งแคบ ๆ ด้วยความเร็วสูง ระบบ VSA จะช่วยรักษาสมดุลของรถ ลดความเสี่ยงที่รถจะหลุดโค้งหรือพลิกคว่ำ

ถุงลมนิรภัย

Honda WR-V ติดตั้งถุงลมนิรภัยในตำแหน่งสำคัญ เช่น ถุงลมคู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้างในบางรุ่น เพื่อช่วยลดแรงกระแทกและลดการบาดเจ็บในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ระบบนี้ทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย โดยถุงลมจะพองตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบแรงกระแทก
เซ็นเซอร์ของถุงลมนิรภัยจะตรวจจับแรงชนจากด้านหน้า ด้านข้าง หรือมุมต่าง ๆ หากแรงชนเกินกว่าค่าที่กำหนด ถุงลมจะพองตัวทันทีในเสี้ยววินาทีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บบริเวณศีรษะและลำตัวของผู้โดยสาร

กล้องมองหลัง

กล้องนี้ช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้น โดยแสดงภาพพื้นที่ด้านหลังรถบนหน้าจอในรถ คุณจะมองเห็นจุดบอดหรือสิ่งกีดขวางที่มักมองไม่เห็นด้วยกระจกมองหลังแบบธรรมดา

Honda WR-V

ระบบความปลอดภัย Honda SENSING 

Honda WR-V รุ่น RS มาพร้อมระบบ Honda SENSING ซึ่งเป็นแพ็คเกจเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ฮอนด้าออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบนี้ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณขับรถได้อย่างปลอดภัยและสบายใจในทุกสถานการณ์ โดยแต่ละฟีเจอร์ใน Honda SENSING มีความสำคัญและทำงานร่วมกันอย่างลงตัว เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

1. ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS)

ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า หากกล้องและเซ็นเซอร์ของรถตรวจพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันหน้า CMBS จะทำการเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงและสัญลักษณ์บนหน้าจอ หากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนอง ระบบจะทำการเบรกให้อัตโนมัติเพื่อลดแรงปะทะหรือป้องกันไม่ให้เกิดการชน

2. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control – ACC)

ACC เป็นระบบที่ช่วยให้การขับรถทางไกลสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถตั้งความเร็วคงที่และระยะห่างระหว่างรถของคุณกับรถคันหน้าได้ ระบบจะเร่งหรือชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม

จุดเด่น

  • ลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ในระยะทางไกล
  • ทำงานได้ตั้งแต่ความเร็ว 30 กม./ชม.ขึ้นไป และจะตัดการทำงานหากความเร็วลดลงต่ำกว่า 25 กม./ชม.

3. ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation – RDM)

RDM เป็นระบบที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยหากรถเบี่ยงออกนอกช่องทางเดินรถและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง พร้อมทั้งหน่วงพวงมาลัยกลับเข้าสู่เลน

4. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS)

ระบบ LKAS จะช่วยให้การขับขี่บนทางตรงหรือทางโค้งเป็นไปอย่างราบรื่น กล้องด้านหน้าจะตรวจจับเส้นเลนถนนและบังคับพวงมาลัยให้รถอยู่กึ่งกลางเลนโดยอัตโนมัติ

ข้อดี

  • ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • ช่วยให้การขับทางยาว ๆ ไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป

5. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam – AHB)

ระบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน โดยกล้องด้านหน้าจะตรวจจับแสงจากรถที่วิ่งสวนทางหรือรถที่อยู่ด้านหน้า หากพบแสง ระบบจะปรับไฟหน้าจากไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ และจะปรับกลับมาเป็นไฟสูงเมื่อไม่มีรถในระยะ

6. ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification – LCDN)

เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่รถติด หากรถหยุดนิ่งและคันหน้าเริ่มเคลื่อนที่ แต่คุณยังไม่ได้ออกตัว ระบบ LCDN จะส่งเสียงเตือนเพื่อแจ้งให้คุณทราบ

ระบบ LaneWatch

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญใน Honda WR-V รุ่น RS คือ ระบบ LaneWatch ที่ติดตั้งกล้องไว้ใต้กระจกมองข้างฝั่งซ้าย เมื่อคุณเปิดไฟเลี้ยวซ้ายหรือกดปุ่มที่ก้านไฟเลี้ยว ภาพจากกล้องจะถูกส่งขึ้นหน้าจอแสดงผล ทำให้คุณมองเห็นมุมอับสายตาฝั่งซ้ายได้อย่างชัดเจน

ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนในพื้นที่แคบ เช่น ในเมืองที่รถติดหรือจุดที่มีรถจักรยานยนต์และจักรยานเยอะ

ระบบ Walk Away Auto Lock

อีกฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งาน Honda WR-V คือระบบล็อกรถอัตโนมัติ Walk Away Auto Lock

ระบบนี้จะล็อครถให้โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ถือกุญแจเดินออกจากรถในระยะที่กำหนด ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับคนที่มักลืมล็อครถหรือมือไม่ว่างเพราะถือของ

ไฟท้าย LED พร้อมการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งาน

ไฟท้าย LED ของ Honda WR-V มาในรูปแบบ L-Shape เพิ่มความโดดเด่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ไม่เพียงแต่ให้ดีไซน์ที่สวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ฟังก์ชัน Remote Engine Start

WR-V รุ่น RS มาพร้อมฟังก์ชัน Remote Engine Start ที่ให้คุณสตาร์ทรถได้จากระยะไกลผ่านกุญแจรีโมท ฟีเจอร์นี้เหมาะมากในวันที่อากาศร้อน เพราะคุณสามารถเปิดระบบแอร์เพื่อปรับอุณหภูมิในรถก่อนขึ้นไปนั่งได้

รักษ์โลก รักษ์เงินในกระเป๋า

Honda WR-V ไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องประสิทธิภาพการขับขี่ แต่ยังใส่ใจเรื่องการปล่อยก๊าซเสียด้วย เครื่องยนต์ถูกออกแบบมาให้ลดการปล่อยมลพิษ ช่วยให้คุณขับได้แบบไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งแวดล้อม แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันสุด ๆ โดยเฉพาะในยุคน้ำมันแพงแบบนี้

เรียกได้ว่าทั้งลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งช่วยโลกไปพร้อมกัน

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

Honda WR-V ให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 16.7 กม./ลิตร (ตาม Eco Sticker) แต่ในสถานการณ์การขับขี่จริง ตัวเลขยังขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรและรูปแบบการขับขี่ เช่น

  • ในเมืองที่รถติดหนัก: ได้ประมาณ 11-12 กม./ลิตร
  • ในเมืองที่รถติดน้อย: ได้ประมาณ 15.7 กม./ลิตร
  • ทางไกลหรือวิ่งข้ามจังหวัด: ได้สูงสุดประมาณ 18.4 กม./ลิตร

Honda WR-V ออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมันสำหรับทุกเส้นทาง เช่นเดียวกับ ประกันภัยรถยนต์ insurverse ที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ด้วยการซื้อตรงแบบไม่ผ่านตัวแทน เห็นราคาเท่าไหน จ่ายเท่านั้น ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม

ราคาที่คุ้มค่าเกินราคา

Honda WR-V มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน

  • รุ่น SV ราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท
  • รุ่น RS ราคาเริ่มต้นที่ 869,000 บาท

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน จะเลือกรุ่นไหนก็มั่นใจได้ว่าได้รับความคุ้มค่าที่สุด

ทำไม Honda WR-V ถึงเหมาะกับทุกคน?

  • เดินทางในเมือง: ขนาดกะทัดรัด ขับง่าย จอดสะดวก
  • เดินทางนอกเมือง: สมรรถนะเยี่ยม ลุยได้ทุกเส้นทาง
  • ครอบครัว: พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง
  • สายแคมป์: บรรทุกของได้เยอะ เก็บทุกสัมภาระได้แบบสบาย ๆ

Honda WR-V ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่จัดเต็มทั้งดีไซน์ที่สวยสะดุดตา สมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่จับพวงมาลัย จะคนเมืองที่อยากได้รถลุยหรือสายท่องเที่ยวที่มองหาความคล่องตัว Honda WR-V พร้อมเป็นเพื่อนคู่ใจในทุกการเดินทาง!

รวมคำถามที่พบบ่อยเกียวกับ Honda wrv

WRV ต่างกับ HRV ยังไง?

WRV และ HRV ต่างกันที่ความประหยัดน้ำมันและขนาด WRV ให้ตัวเลขในเมืองประมาณ 12-14 กม./ลิตร และนอกเมือง 17-21 กม./ลิตร ขณะที่ HRV ทำได้ดีกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 กม./ลิตร

Honda WRV กินน้ำมันกี่กิโลลิตร?

Honda WRV มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 16.4 กม./ลิตร (เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร CVT)

WRV มีแอร์หลังไหม?

WRV ยังไม่มีแอร์หลัง เบาะหลังปรับแยกได้ 60:40 มีที่วางแขนพับเก็บได้ แต่ขาดฟีเจอร์แอร์หลัง

Honda WRV เป็นไฮบริดไหม?

Honda WRV ในไทยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเท่านั้น ส่วนรุ่นไฮบริดมีเฉพาะตลาดอินเดีย

Honda HRV เหมาะกับใคร?

HRV เหมาะกับคนที่ชอบความโปร่งโล่ง นั่งสบาย สมรรถนะครบครัน เน้นความนุ่มนวล และฟีเจอร์อเนกประสงค์ เช่น กล้องมองด้านข้างและหลังคาซันรูฟ

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)