vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เงินเดือนเท่านี้ ซื้อบ้านได้เท่าไหร่? เช็กวงเงินกู้สูงสุดที่คุณไหว พร้อมเคล็ดลับกู้ผ่านง่าย

เงินเดือนเท่านี้ ซื้อบ้านได้เท่าไหร่? เช็กวงเงินกู้สูงสุดที่คุณไหว พร้อมเคล็ดลับกู้ผ่านง่าย

schedule
share

อยากซื้อบ้าน แต่ไม่รู้ว่ารายได้ที่มีจะซื้อได้แค่ไหน? นี่คือคำถามยอดฮิตที่มนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนต้องเคยถามตัวเองสักครั้ง! การซื้อบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ว่าเรามีเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ยังต้องดูว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระแค่ไหน ธนาคารจะให้กู้เท่าไหร่ และเงื่อนไขของการปล่อยกู้เป็นอย่างไร ถ้าไม่อยากให้การซื้อบ้านกลายเป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ มาเจาะลึกกันแบบละเอียดสุด ๆ ว่า “เงินเดือนเท่านี้ ซื้อบ้านได้เท่าไหร่” เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าเราควรตั้งงบประมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับรายได้ของตัวเอง

รายได้กับความสามารถในการกู้บ้าน

เรื่องกู้บ้านไม่ใช่แค่เรื่องอยากได้แล้วจะได้ มันต้องมาพร้อมกับ “ความสามารถในการผ่อน” ที่ธนาคารใช้วัดว่าเราคู่ควรจะเป็นเจ้าของบ้านหรือไม่ หลักการพิจารณามีอยู่ไม่กี่ข้อ แต่ต้องเข้าใจให้ลึกถึงแก่น

  • กรณีผ่อนบ้านอย่างเดียว ธนาคารมักกำหนดยอดผ่อนสูงสุดไว้ที่ 50% ของรายได้
  • กรณีมีหนี้สินอื่นร่วมด้วย เช่น ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต ธนาคารจะกำหนดยอดผ่อนบ้านไม่เกิน 30% ของรายได้

ตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเงินเดือน 20,000 บาท แล้วไม่มีหนี้สินอื่น ธนาคารให้กู้ได้สูงสุดที่สามารถผ่อนได้ต่อเดือนคือ 10,000 บาท วงเงินกู้จะอยู่ที่ประมาณ 1.6 – 2 ล้านบาท ถ้ามีหนี้บัตรเครดิตหรือผ่อนรถด้วย ยอดผ่อนบ้านจะลดลงตามสัดส่วนหนี้ที่ถืออยู่

สิ่งที่ต้องรู้เพิ่มเติมคือธนาคารจะดู “ประวัติการเงิน” ของเราด้วย ถ้ามีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยค้างชำระ ธนาคารก็จะมั่นใจมากขึ้นและอาจให้กู้ในจำนวนที่สูงขึ้น แต่ถ้ามีประวัติค้างชำระ อาจถูกลดวงเงินกู้หรือโดนปฏิเสธไปเลยก็มี

นอกจากนี้ หลายคนอาจไม่รู้ว่า ค่าผ่อนบ้านไม่ได้มีแค่ค่าตัวบ้าน แต่ยังมีค่าบำรุงรักษา ค่าสาธารณูปโภค และที่สำคัญคือ ค่าซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายในบ้าน! ถ้าคำนวณแค่ค่างวดบ้านอย่างเดียว แต่ไม่กันงบสำหรับเหตุไม่คาดคิด อาจทำให้กระเป๋าฉีก insurverse มีประกันบ้านและคอนโด จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ฟ้าผ่า หรือแม้แต่ความเสียหายจากพายุ หมดกังวลเรื่องซ่อมแอร์ ตู้เย็น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ในบ้านไปได้เลย

คำนวณยอดผ่อนชำระสูงสุดจากรายได้

ถ้าอยากรู้ว่าผ่อนได้สูงสุดเท่าไหร่ ก็ต้องใช้สูตรนี้

(รายได้ต่อเดือน x 70%) – ภาระหนี้สินทั้งหมด = ยอดผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน

ยกตัวอย่าง:

  • ถ้ามีเงินเดือน 20,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินอื่น ธนาคารอาจให้ผ่อนสูงสุด 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคำนวณจาก 20,000 x 70%
  • แต่ถ้ามีหนี้สิน เช่น ผ่อนรถเดือนละ 5,000 บาท ยอดผ่อนบ้านสูงสุดจะเหลือ 9,000 บาทต่อเดือน

ถ้ามีหนี้เยอะ การกู้ก็จะยากขึ้น ดังนั้นควรเคลียร์หนี้ก่อนยื่นกู้เสมอ นอกจากนี้ ธนาคารบางแห่งอาจใช้เกณฑ์ 60% หรือ 50% ของรายได้แทน 70% ดังนั้นควรเช็กกับธนาคารก่อนตัดสินใจ

วิธีคำนวณวงเงินกู้จากยอดผ่อนต่อเดือน

เมื่อรู้ยอดผ่อนสูงสุดแล้ว มาคำนวณวงเงินกู้กันต่อ สูตรคือ

(ยอดผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน x 1,000,000) / ค่างวดต่อล้าน = วงเงินกู้สูงสุด

โดยปกติ ธนาคารจะคิดอัตราผ่อนที่ 6,000 – 7,000 บาทต่อล้าน

ตัวอย่าง:

  • ถ้ายอดผ่อนชำระสูงสุด 14,000 บาทต่อเดือน และธนาคารคิดอัตราผ่อนที่ 7,000 บาทต่อล้าน
  • วงเงินกู้สูงสุดที่สามารถขอได้ = (14,000 x 1,000,000) / 7,000 = 2,000,000 บาท

สิ่งที่ต้องระวังคืออัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยต่ำ อาจทำให้กู้ได้มากขึ้น แต่ถ้าเป็นช่วงดอกเบี้ยสูง ค่างวดต่อเดือนอาจเพิ่มขึ้น ทำให้วงเงินกู้ลดลง

รายได้ต่อเดือนกับราคาบ้านที่เหมาะสม

ธนาคารไม่ได้ดูแค่เงินเดือนแล้วให้กู้ทันที แต่ดูว่าเรามีศักยภาพแค่ไหนในการแบกหนี้ในระยะยาว ตารางนี้ช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น

รายได้ต่อเดือนยอดผ่อนสูงสุด (50% ของรายได้)วงเงินกู้สูงสุดราคาบ้านที่เหมาะสม
15,0007,5001,200,0001,200,000 – 1,500,000
20,00010,0001,600,0001,600,000 – 2,000,000
25,00012,5002,000,0002,000,000 – 2,500,000
30,00015,0002,400,0002,400,000 – 3,000,000
40,00020,0003,200,0003,200,000 – 4,000,000
50,00025,0004,000,0004,000,000 – 5,000,000

หากมีหนี้สินอื่นอยู่ วงเงินกู้ที่ได้จะลดลง เช่น ถ้ามีเงินเดือน 30,000 บาท และมีหนี้ผ่อนรถเดือนละ 5,000 บาท วงเงินกู้จะลดลงไปเหลือ 1.6 ล้านบาท

เคล็ดลับเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน

  1. เคลียร์หนี้ให้โล่งก่อนยื่นกู้ – หนี้เยอะเกินไป วงเงินกู้ลดลงแน่นอน
  2. กู้ร่วมเพิ่มกำลังซื้อ – ถ้ารายได้คนเดียวไม่พอ สามารถหาคนในครอบครัวมากู้ร่วมได้ ทำให้วงเงินกู้เพิ่มขึ้น
  3. เก็บเงินดาวน์ให้มากขึ้น – การวางเงินดาวน์เยอะช่วยลดภาระหนี้ และทำให้ธนาคารมั่นใจว่าผู้กู้มีวินัยทางการเงิน
  4. เลือกบ้านที่ราคาเหมาะสม – การเลือกบ้านที่ไม่เกินตัวจะช่วยให้ผ่อนสบายขึ้น และมีเงินเหลือใช้จ่ายอย่างอื่น
  5. เช็กเครดิตตัวเองก่อนยื่นกู้ – ถ้ามีประวัติค้างชำระมาก่อน อาจต้องปรับปรุงเครดิตก่อนยื่นขอสินเชื่อ

การซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ ไม่ใช่แค่เรื่องของ “อยากมี” แต่ต้องมีความพร้อมในการผ่อนชำระด้วย ก่อนตัดสินใจกู้ ควรคำนวณความสามารถของตัวเองให้ดี แล้วเลือกบ้านที่เหมาะกับกำลังทรัพย์ จะได้อยู่แบบสบายใจ ไม่มีภาระเกินตัว

ใครที่กู้ร่วมกับคนอื่น เช่น กู้ร่วมกับแฟน หรือครอบครัว ควรคิดให้รอบคอบ เพราะถ้าผู้กู้ร่วมเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น เจ็บป่วยกะทันหัน ประสบอุบัติเหตุ หรือสูญเสียความสามารถในการหารายได้ อาจทำให้การผ่อนบ้านกลายเป็นภาระหนักขึ้น อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันบ้านและคอนโด จาก insurverse เพราะเรามีประกันบุคคลภายนอกที่คุ้มครองกรณีมีเหตุให้ต้องรับผิดชอบต่อบุคคลอื่น เช่น อุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้อยู่อาศัยในบ้าน ช่วยให้การกู้ร่วมมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

เงินเดือน 20,000 บาท กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่?

หากไม่มีภาระหนี้สินอื่น สามารถกู้ได้ประมาณ 1.6 – 2 ล้านบาท แต่หากมีภาระหนี้สิน เช่น ผ่อนรถ อาจลดลงเหลือประมาณ 1.2 – 1.5 ล้านบาท

ธนาคารให้กู้บ้านกี่เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน?

ส่วนใหญ่ให้กู้ 80 – 100% ของราคาบ้าน ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของธนาคารและเงื่อนไขสินเชื่อในขณะนั้น

ถ้าอยากได้วงเงินกู้เพิ่ม ควรทำยังไง?

สามารถเพิ่มโอกาสในการกู้โดย กู้ร่วม, ลดภาระหนี้สิน, เพิ่มเงินดาวน์ และ เลือกบ้านที่ราคาเหมาะสมกับรายได้

ถ้ากู้ไม่ผ่านเพราะรายได้ไม่ถึง ทำยังไง?

อาจลองหาผู้กู้ร่วม หรือเพิ่มระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้นเพื่อลดภาระผ่อนต่อเดือน

ดอกเบี้ยบ้านคิดยังไง? 

ดอกเบี้ยบ้านคิดตามอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร โดยทั่วไปอยู่ที่ 6 – 7% ต่อปี หรือคิดเป็นค่างวดล้านละ 6,000 – 7,000 บาทต่อเดือน

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย