ขับรถทุกวันก็ต้องมั่นใจทุกวัน โดยเฉพาะรถ SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและออกทริปไกล ๆ Ford Everest Sport Special Edition 2025 ไม่ใช่แค่ดีไซน์ดุดัน แต่ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองภาพรอบคัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ หรือฟีเจอร์ช่วยขับขี่สุดล้ำ ทั้งหมดนี้ทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้จริง แต่ต่อให้รถมีเทคโนโลยีดีแค่ไหน ความไม่แน่นอนบนท้องถนนก็ยังเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นการมีประกันรถยนต์ที่พร้อมดูแลทุกสถานการณ์ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เจ้าของรถอุ่นใจได้มากขึ้น insurverse ให้คุณเลือกปรับแผนประกันเองได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น และที่สำคัญซื้อเองง่าย ๆ ทุกขั้นตอนออนไลน์ 100%
Ford Everest Sport Special Edition ถูกออกแบบมาให้ดูสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยโทนสีดำรอบคัน ตั้งแต่หลังคาสีดำที่ช่วยเพิ่มมิติให้ตัวรถดูมีมาดเข้มขึ้น ผสานกับสปอยเลอร์ท้ายสีดำที่เข้ากับตัวรถอย่างลงตัว อีกจุดที่สะดุดตาคือกระจังหน้าแบบใหม่สีดำสนิท พร้อมสัญลักษณ์ EVEREST สีดำที่ฝังลงไปบนฝากระโปรงหน้า สร้างความแตกต่างจากรุ่นปกติอย่างเห็นได้ชัด
ไฮไลต์อีกจุดที่เพิ่มความโดดเด่นคือ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลายเดียวกับ Ranger Stormtrak ที่มาในสีดำด้าน Asphalt Black มาพร้อมดีไซน์ก้านพิเศษ โดยมี ก้านสีแดงหนึ่งก้าน ตัดกับก้านสีดำเงาอีก 5 ก้าน สร้างความรู้สึกสปอร์ตและเร้าใจยิ่งขึ้น ล้อคู่นี้จับคู่กับยางขนาด 255/55 R20 ให้ลุคที่ดุดันและพร้อมลุยในทุกสภาพถนน
ก้าวเข้ามาภายใน Ford Everest Sport Special Edition ก็ยังคงความเป็นสปอร์ตเหมือนภายนอก ด้วยโทนสีดำตัดกับวัสดุพรีเมียม ภายในถูกออกแบบให้กว้างขวางนั่งสบาย เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำทรงสปอร์ต ตกแต่งด้วยเดินตะเข็บด้ายสีเข้ม พร้อม เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ในส่วนของเทคโนโลยี Ford ก็จัดเต็มมาให้กับหน้าจอระบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว พร้อมระบบ SYNC® 4A รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ใช้งานง่ายขึ้น และยังมีฟีเจอร์ Always-On ผ่านแอปพลิเคชัน FordPass™ ที่ช่วยให้คุณสามารถสั่งงานและติดตามสถานะของรถผ่านสมาร์ทโฟนได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมี แท่นชาร์จไร้สาย ที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นไปอีกระดับ
Ford Everest Sport Special Edition 2025 ไม่ได้แค่เท่ภายนอก แต่ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยให้ทุกการขับขี่มั่นใจขึ้นหลายระดับ ไม่ว่าขับในเมืองหรือเดินทางไกล รถคันนี้ก็พร้อมปกป้องคนขับและผู้โดยสารแบบจัดเต็ม
ไม่ต้องเดาสุ่ม ไม่ต้องกะระยะเอง เพราะกล้องมองภาพรอบคันของ Ford Everest Sport Special Edition 2025 ช่วยให้เห็นภาพรอบรถแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นจอดรถในที่แคบหรือเลี้ยวเข้าซอยมุมอับ มั่นใจได้ว่ามองเห็นทุกมุม ไม่มีมุมบอด
สายเดินทางไกลต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะระบบนี้ช่วยให้ขับขี่สบายขึ้นเยอะ ระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และถ้ารถหยุด ระบบก็จะหยุดให้เอง จากนั้นถ้ารถคันหน้าขยับ ระบบก็พร้อมดึงความเร็วขึ้นใหม่ ทำให้ลดความเหนื่อยล้าจากการเร่งและเบรกเองตลอดเวลา
จุดบอดของรถคือปัญหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย Ford Everest Sport Special Edition 2025 แก้ปัญหานี้ด้วย BLIS ที่ช่วยเตือนว่ามีรถอยู่ในมุมอับขณะเปลี่ยนเลน นอกจากนี้ยังมี Cross Traffic Alert ที่แจ้งเตือนหากมีรถกำลังเคลื่อนผ่านขณะถอยหลังออกจากที่จอด ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็นรถที่สวนมา
อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ใช่แค่ระหว่างรถกับรถ แต่ยังรวมถึงคนเดินถนนด้วย ระบบนี้ช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีคนหรือสิ่งกีดขวางขวางทาง ช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หรือป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด
บางครั้งจังหวะเบรกกะทันหันอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อมีโอกาสชนกับรถคันหน้า และยังช่วยเสริมแรงเบรกเพื่อให้หยุดรถได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการเบรกไม่ทัน
การขับรถบนทางด่วนหรือเส้นทางยาว ๆ อาจมีบางช่วงที่เผลอขับออกนอกเลน ระบบนี้จะช่วยดึงพวงมาลัยกลับให้อยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ขับขี่ปลอดภัยขึ้น
เผลอเหม่อไปนิดเดียว รถอาจออกนอกเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบเตือนนี้จะช่วยแจ้งให้คนขับรู้ตัวทันที และหากยังไม่มีการตอบสนอง ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนก็จะเข้ามาทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบ ระบบนี้ช่วยเบรกเพื่อลดโอกาสที่รถจะพุ่งไปชนซ้ำหลังจากเกิดการปะทะครั้งแรก ลดความเสียหายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น
ถอยรถออกจากช่องจอดอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีรถหรือสิ่งกีดขวาง ระบบนี้ช่วยตรวจจับวัตถุหรือคนที่อยู่ด้านหลัง หากพบความเสี่ยง ระบบจะช่วยเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน
หากมีวัตถุหรือรถอยู่ด้านหน้ากะทันหันและต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อหลีกเลี่ยง ระบบนี้จะช่วยเสริมแรงหมุนพวงมาลัยให้เลี่ยงสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
Ford Everest Sport Special Edition 2025 ให้ความปลอดภัยรอบด้านด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม, และถุงลมสำหรับหัวเข่า เพื่อลดแรงกระแทกและเพิ่มการป้องกันในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
หมดปัญหาการต้องเหยียบเบรกค้างไว้ขณะติดไฟแดงหรืออยู่บนทางลาดชัน เพราะระบบ Auto Hold จะช่วยจับเบรกให้อัตโนมัติจนกว่าจะเหยียบคันเร่ง ทำให้ขับขี่สบายขึ้น และลดโอกาสที่รถจะไหล
ถนนลื่นหรือเข้าโค้งแรง ๆ ก็ไม่ต้องกังวล ระบบ ESP ช่วยให้รถทรงตัวดีขึ้น ลดโอกาสเสียการควบคุม ส่วนระบบ Traction Control จะช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีเมื่อออกตัวบนพื้นผิวที่มีแรงเสียดทานต่ำ เช่น ถนนเปียก หรือพื้นทราย
ขับขึ้นเขาหรือทางชันไม่ใช่ปัญหา เพราะระบบ HSA จะช่วยให้รถไม่ไหลถอยหลังขณะออกตัว ส่วนระบบ ROM จะช่วยลดโอกาสที่รถจะเสียการทรงตัวจนพลิกคว่ำเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ใต้ฝากระโปรงของ Ford Everest Sport Special Edition คือ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบเดี่ยว ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 405 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม โหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่
ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหลัง (RWD) ช่วยให้ขับขี่ง่ายในเมืองและบนทางหลวง โดยที่ยังมีแรงบิดพอสำหรับการขับขี่ที่หนักหน่วงหรือลากจูง
Ford Everest Sport Special Edition มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน Aluminium Metallic และ สีขาว Snowflake White Pearl (เพิ่มเงิน 12,000 บาท) โดยเคาะราคาอยู่ที่ 1,619,000 บาท ซึ่งมาพร้อมกับ การรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรก
Ford Everest Sport Special Edition เป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามอง ด้วยการดีไซน์สปอร์ตสุดดุดัน อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ไฮเทค และให้สมรรถนะการขับขี่ที่มั่นใจ เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการ SUV ที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังใช้งานได้จริงและครบครันในทุกด้าน สำหรับใครที่สนใจ สามารถไปสัมผัสตัวจริงได้ที่โชว์รูม Ford ทั่วประเทศ หรือจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.ford.co.th ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
แต่ถึงแม้รถจะดีแค่ไหน การขับขี่บนถนนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ดังนั้นการมีประกันรถยนต์ที่เชื่อถือได้ ช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเองเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน insurverse ให้คุณเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้ง่าย ๆ พร้อมเลือกแผนประกันที่คุ้มค่าที่สุดในแบบที่เหมาะกับคุณ
รุ่นนี้เสริมดีไซน์สปอร์ตด้วยหลังคาและสปอยเลอร์สีดำ ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมก้านสีแดง เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง เช่น กล้องมองรอบคัน Adaptive Cruise Control และ BLIS
ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมโหมดขับขี่ 4 รูปแบบ
มีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
มี 2 สี ได้แก่ สีเงิน Aluminium Metallic และสีขาว Snowflake White Pearl (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
ราคา 1,619,000 บาท รับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรก
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การเลือกซื้อรถยนต์สักคัน นอกจากดีไซน์จะต้องใช่ ขุมพลังต้องแรง เทคโนโลยีต้องล้ำแล้ว ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ All-new BMW X3 เจเนอเรชันใหม่ ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ขับสนุก พรีเมียมขึ้น
Mazda CX-5 2025 กลับมาในโฉมใหม่ที่จัดเต็มทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ ไม่ใช่แค่ปรับหน้าตาให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังเพิ่มฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ทั้งไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED แบบใหม่ กระจังหน้าดีไซน์เฉียบ
ใครที่กำลังมองหากระบะ 4 ประตูที่แรงขึ้น ขับสนุก และยังประหยัดน้ำมันมากขึ้น Isuzu D MAX 4 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุด น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด