vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
5 ประเทศยอดนิยมที่ควรเลือกซื้อประกันเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย

5 ประเทศยอดนิยมที่ควรเลือกซื้อประกันเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย

schedule
share

การท่องเที่ยวต่างประเทศ มักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประสบการณ์ใหม่ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงได้เสมอ หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่นักท่องเที่ยวเผชิญ คือ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศที่มีราคาสูง การมีประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย จะช่วยให้คุณอุ่นใจ หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ 

5 ประเทศยอดนิยมที่ควรเลือกซื้อประกันเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย

ประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย คืออะไร?

ประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย หรือที่เรียกว่า “ประกันแบบ Cashless” เป็น ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาล่วงหน้า ผู้เอาประกันสามารถเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลในเครือของบริษัทประกันได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย 

ประเภทของประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

1. ประกันการเดินทางแบบรายเที่ยว เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งคราว โดยสามารถเลือกแผนประกันและระยะเวลาคุ้มครองให้เหมาะกับแต่ละทริป

2. ประกันการเดินทางแบบรายปี เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง โดยสามารถเลือกแผนประกันที่คุ้มครองตลอดทั้งปี 

ซึ่งประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย ของ insurverse ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ต่างประเทศ เพราะวงเงินคุ้มครองสูง แผนความคุ้มครองหลากหลาย ซึ้อง่ายเพียง 5 นาที และเคลมผ่านแอปพลิเคชัน insurverse ได้ทันที 

รวบรวม 5 ประเทศที่ควรซื้อประกันการเดินทางแบบไม่สำรองจ่ายกัน

1. ประเทศญี่ปุ่น

เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนนโยบายให้ผู้สูงอายุร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น ทำให้ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุจะสูงกว่าคนวัยทำงานโดยค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยต่อคนต่อปีในญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท รวมถึงการมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ประกอบกับค่าครองชีพและค่าจ้างแพทย์ที่สูง  ทำให้การรักษาพยาบาลสูงไปด้วย 

ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาลได้แก่

  • การตรวจสุขภาพทั่วไป : 840 – 2,800 บาท
  • การตรวจเลือด : 70 – 350 บาท
  • การเอ็กซเรย์ : 350 – 840 บาท
  • การผ่าตัดไส้ติ่ง : 28,000 – 56,000 บาท
  • การรักษาโรคมะเร็ง : 560,000 – 1,120,000 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:

  • ค่าห้องพักในโรงพยาบาล 840 – 4,200 บาท ต่อคืน
  • ค่ายา: 70 – 350 บาท ต่อวัน
  • ค่าอาหาร: 210 – 420 บาท ต่อวัน

2. เกาหลีใต้

ลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างมาก โรงพยาบาลในเกาหลีใต้มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย แพทย์เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญสูง เทคโนโลยีทางการแพทย์เหล่านี้ทำให้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์มีราคาแพง รวมทั้งเกาหลีใต้เน้นแคมเปญการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วย ส่งผลให้ประชาชนเกาหลีใต้ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่งเอง

ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาลได้แก่

  • การตรวจสุขภาพทั่วไป: 1,000 – 2,500 บาท
  • การตรวจเลือด: 250 – 1,250 บาท
  • การเอ็กซเรย์: 1,250 – 3,125 บาท
  • การผ่าตัดไส้ติ่ง: 125,000 – 250,000 บาท
  • การรักษาโรคมะเร็ง: 1,250,000 – 2,500,000 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม :

– ค่าห้องพักในโรงพยาบาล 1,250 – 6,250 บาท ต่อคืน

– ค่ายา: 125 – 1,250 บาท ต่อวัน

– ค่าอาหาร: 312 – 625 บาท ต่อวัน

3. สหรัฐอเมริกา

ไม่มีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายเกี่ยวการแพทย์มีราคาสูง  อีกทั้งแพทย์ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการฟ้องร้องกฎหมาย การประพฤติผิดต่อหน้าที่ (malpractice) เพราะค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน จึงทำให้ประชาชนต้องซื้อประกันสุขภาพด้วยตัวเอง หรือจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง

ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาลได้แก่

  • การตรวจสุขภาพทั่วไป : 1,650 – 3,300 บาท
  • การตรวจเลือด : 495 – 2,475 บาท
  • การเอ็กซเรย์ : 2,475 – 9,900 บาท
  • การผ่าตัดไส้ติ่ง : 220,500 – 441,000 บาท
  • การรักษาโรคมะเร็ง : 2,205,000 – 4,410,000 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม :

  • ค่าห้องพักในโรงพยาบาล:** 4,950 – 24,750 บาท ต่อคืน
  • ค่ายา: 247 – 2,475 บาท ต่อวัน
  • ค่าอาหาร: 495 – 990 บาท ต่อวัน

4. สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ

มีระบบการดูแลสุขภาพแบบ National Health Service (NHS): NHS เป็นระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แต่มีงบประมาณจำกัด อีกทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง และอายุเฉลี่ยรวมถึงโรคเรื้อรังของประชาชนมีมากขึ้น  ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องจ่ายเงินเอง

ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาล ได้แก่

– การตรวจสุขภาพทั่วไป : 2,050 – 4,100 บาท

– การตรวจเลือด : 410 – 2,050 บาท

– การเอ็กซเรย์ : 2,050 – 8,200 บาท

– การผ่าตัดไส้ติ่ง : 205,000 – 410,000 บาท

– การรักษาโรคมะเร็ง : 2,050,000 – 4,100,000 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม :

– ค่าห้องพักในโรงพยาบาล : 4,100 – 20,500 บาท ต่อคืน

– ค่ายา : 205 – 2,050 บาท ต่อวัน

– ค่าอาหาร : 410 – 820 บาท ต่อวัน

5. เยอรมนี

ใช้ระบบประกันสุขภาพแบบ Bismarckซึ่งประชาชน ทุกคนต้องซื้อประกันสุขภาพ ส่วนรัฐบาลอุดหนุนค่าประกันสุขภาพบางส่วนเท่านั้น

ตัวอย่างค่ารักษาพยาบาล ได้แก่

– การตรวจสุขภาพทั่วไป: 700 – 1,400 บาท

– การตรวจเลือด: 140 – 700 บาท

– การเอ็กซเรย์: 700 – 2,800 บาท

– การผ่าตัดไส้ติ่ง: 70,000 – 140,000 บาท

การรักษาโรคมะเร็ง: 700,000 – 1,400,000 บาท

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม:

– ค่าห้องพักในโรงพยาบาล: 1,400 – 7,000 บาท ต่อคืน

– ค่ายา: 70 – 700 บาท ต่อวัน

– ค่าอาหาร: 140 – 280 บาท ต่อวัน

5 ประเทศข้างต้น เป็นประเทศที่มีค่ารักษาพยาบาลสูง การมีประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย จะช่วยให้คุณเข้ารักษาพยาบาลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ช่วยให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่น ไร้กังวล

5 ประเทศยอดนิยมที่ควรเลือกซื้อประกันเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย

บทสรุป

อย่างไรก็ตาม ควร เลือกประกันที่มีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงเพียงพอ ศึกษาเงื่อนไข ความคุ้มครอง ข้อยกเว้น ของกรมธรรม์อย่างละเอียดเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายดี ทำให้การมีประกันการเดินทางแบบไม่ต้องสำรองจ่าย เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทาง คอยปกป้องและช่วยเหลือคุณในยามฉุกเฉิน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เลือกประกันที่เหมาะสม เพียงเท่านี้ ทุกทริปของคุณจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไร้กังวล

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)