vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
อัปเดตล่าสุด รู้ก่อนใครว่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาท

อัปเดตล่าสุด รู้ก่อนใครว่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาท

schedule
share
อัปเดตล่าสุด รู้ก่อนใครว่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาท

ปัญหาหนักใจของผู้ขับรถยนต์หน้าใหม่ในช่วงต่อภาษีรถยนต์ คือ ไม่รู้ว่ารถของคุณต้องจ่ายค่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาท? เพราะเกณฑ์ต่อภาษีมีหลายรูปแบบ ด้วยเหตุนี้เราจึงนำข้อมูลการต่อภาษี พร้อมวิธีคำนวณมาฝากทุกคน ให้การต่อภาษีเป็นเรื่องง่ายไปเลย

รถเก๋ง รถกระบะ ต่อภาษีรถยนต์กี่บาท

สำหรับรถเก๋ง หรือรถกระบะจะใช้ขนาดเครื่องยนต์เป็นฐานในการคำนวณภาษี ยิ่งเครื่องยนต์ CC มาก ภาษีที่ต้องจ่ายยิ่งสูง ดังต่อไปนี้

  • เครื่องยนต์ 1 – 600 CC = อัตราภาษี CC ละ 50 สตางค์
  • เครื่องยนต์ 601 – 1,800 CC = อัตราภาษี CC ละ 1.50 บาท
  • เครื่องยนต์เกินกว่า 1,800 CC ขึ้นไป = อัตราภาษี CC ละ 4 บาท

รถยนต์กลุ่มนี้หากยิ่งใช้งานนานจะได้รับการลดภาษีลงตั้งแต่การใช้งานในปีที่ 6 เป็นต้นไป ซึ่งมีรายละเอียดการลดภาษี ได้แก่

  • อายุการใช้งาน 6 ปี ลดภาษี 10%
  • อายุการใช้งาน 7 ปี ลดภาษี 20%
  • อายุการใช้งาน 8 ปี ลดภาษี 30%
  • อายุการใช้งาน 9 ปี ลดภาษี 40%
  • อายุการใช้งาน 10 ปี ลดภาษี 50%

เช่น Honda CR-V เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาวล์ ความจุ 1,993 ซีซี เปิดตัวในปี 2023 จะเสียภาษีเท่ากับ

  1. คำนวณฐานภาษีจากเครื่องยนต์ 1 – 600 CC = 600 *0.5 = 300 บาท
  2. คำนวณฐานภาษีจากเครื่องยนต์ 601 – 1800 CC = 1,200 * 1.5 = 1,800 บาท
  3. คำนวณฐานภาษีจากเครื่องยนต์เกินกว่า 1,800 CC ขึ้นไป = (1993 -1800)*4 = 772 บาท

แต่ Honda CR-V อายุการใช้งานไม่ถึง 6 ปี จึงไม่ได้รับสิทธิลดภาษี ดังนั้น คำตอบของ Honda CR-V ว่าต้องจ่ายค่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาท คือ 2,872 บาท

รถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งไม่เกิน 7 คน ต่อภาษีรถยนต์กี่บาท

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มที่นั่งไม่เกิน 7 คน แม้ว่าราคาพ.ร.บ.เท่ากับรถเก๋ง แต่วิธีการคำนวณภาษีรถยนต์แตกต่างกัน เพราะรถ EV ใช้เกณฑ์น้ำหนักรถแทนที่จะเป็นขนาดเครื่องยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการลดภาษีรถไฟฟ้ามากมาย แต่หลังวันที่ 30 กันยายน 2568 รถยนต์ไฟฟ้าจะคิดภาษี ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • น้ำหนักรถ 500 กิโลกรัมแรก = เสียภาษี 150 บาท
  • 501-750 กิโลกรัม = เสียภาษี 300 บาท
  • 751-1,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 450 บาท
  • 1,001-1,250 กิโลกรัม = เสียภาษี 800 บาท
  • 1,251-1,500 กิโลกรัม = เสียภาษี 1,000 บาท
  • 1,501-1,750 กิโลกรัม = เสียภาษี 1,300 บาท
  • 1,751-2,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 1,600 บาท
  • 2,001-2,500 กิโลกรัม = เสียภาษี 1,900 บาท
  • 2,501-3,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 2,200 บาท
  • 3,001-3,500 กิโลกรัม = เสียภาษี 2,400 บาท
  • 3,501-4,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 2,600 บาท
  • 4,001-4,500 กิโลกรัม = เสียภาษี 2,800 บาท
  • 4,501-5,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 3,000 บาท
  • 5,001-6,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 3,200 บาท
  • 6,001-7,000 กิโลกรัม = เสียภาษี 3,400 บาท
  • 7,001 กิโลกรัมขึ้นไป = เสียภาษี 3,600 บาท

ตัวอย่างเช่น Tesla Model 3 น้ำหนัก 1,824 กิโลกรัม หมายความว่าตามเกณฑ์ภาษีรถไฟฟ้าใหม่ จะต้องเสียภาษีเท่ากับ 1,600 บาท

รู้ว่าต่อภาษีรถยนต์กี่บาทแล้ว ทำเรื่องต่อภาษีอย่างไรดี

สถานที่ต่อภาษีรถยนต์ในปัจจุบันทำได้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งทางออนไลน์สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th/esvapp/login.jsf ส่วนช่องทางออฟไลน์ เช่น 1.เคาน์เตอร์เซอร์วิส 2.ที่ทำการไปรษณีย์ 3.ธนาคารธกส. โดยการต่อภาษีทางออฟไลน์ให้คุณเตรียมเอกสารประกอบการต่อด้วย ได้แก่

  • พ.ร.บ.รถยนต์
  • เล่มทะเบียนรถยนต์
  • เอกสารรับรองการติดถังแก๊ส (ในกรณีที่รถใช้งานระบบแก๊ส)

เมื่อทราบกันไปแล้วว่ารถแต่ละประเภทต่อภาษีรถยนต์กี่บาท อย่าลืมไปทำเรื่องต่อภาษีให้เรียบร้อย ไม่ควรปล่อยให้ป้ายภาษีขาดต่อเกิน 3 ปี มิเช่นนั้นแล้วจะถูกระงับป้ายทะเบียน และหาก พ.ร.บ.รถยนต์ ใกล้หมดอายุ กังวลว่าพ.ร.บ.ขาดแล้วจะต่อภาษีไม่ได้ สามารถซื้อ พ.ร.บ.ออนไลน์ได้เลยจากเว็บไซต์ insurverse ที่ประหยัด และซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา เช็กเบี้ย พ.ร.บ. ได้ที่นี่!

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)