• บทความ
• keyboard_arrow_right
• พ.ร.บ.รถยนต์

ต่อภาษีรถยนต์ ภาษาอังกฤษ สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องทำ

เป็นที่รับรู้กันว่าสำหรับผู้มีรายได้ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงประเทศ สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ในครอบครองก็เช่นกัน มีหน้าที่ในการต่อภาษีรถยนต์ เพื่อนำไปเป็นหลักประกันในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ซึ่งการต่อภาษีรถยนต์ ภาษาอังกฤษ มีความสำคัญที่จะต้องเข้าใจคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เพื่อสามารถรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและไม่เป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ. วันนี้จะมาแนะนำว่าต่อภาษีรถยนต์ ภาษาอังกฤษ สำคัญอย่างไร และเพราะอะไรคนที่มีรถถึงต้องต่อภาษีรถยนต์

ภาษีรถยนต์หรือที่คุ้นเคยกันว่า พ.ร.บ.รถยนต์

มาจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่เจ้าของรถที่มีการจดทะเบียนรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบกทุกคันมีหน้าที่ในการทำประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ ทุกปีเพื่อใช้เป็นหลักประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน ซึ่งกฎหมายบังคับว่าจะต้องมีการชดเชยค่ารักษาการเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิตให้กับผู้ประสบภัยที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงบุคคลภายนอก โดยสาระสำคัญในเอกสารต่อภาษีรถยนต์ ภาษาอังกฤษนั้นจะมีวงเล็บความหมายไว้ เช่น

• ผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาต (Authorized driver)
• ความคุ้มครอง (Coverage)
• ประกันรถยนต์ (Car insurance)
• การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (Compulsory motor insurance)
• ประกันรถยนต์ชั้น 1 (First class insurance)
• ประกันรถยนต์ชั้น 2 (Second class insurance)
• ประกันรถยนต์ชั้น 3 (Third class insurance)

หรือคำศัพท์อื่น ๆ ในสาระสำคัญของการทำประกันภัยรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อภาษีรถยนต์ ทั้งนี้เพื่อความครอบคลุมและความชัดเจนเกี่ยวกับประเภทของการทำประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทด้วย

ความคุ้มครอง พ.ร.บ. รถยนต์ประกอบด้วย

• ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ (Medical expenses from injuries)
• การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร (death, loss of organs or permanently disabled)
• การเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวรสิ้นเชิง (Death or total permanent disability)
• สูญเสียอวัยวะ (loss of organs)
• เงินชดเชยรายวัน (Daily compensation)

นอกจากความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญของ พ.ร.บ. รถยนต์แล้ว ผู้ครอบครองรถยนต์ทุกคนจะต้องรู้ด้วยว่าเรามีหน้าที่ต้องต่อภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ให้บริการต่อภาษีรถยนต์ได้หลายช่องทาง เช่น สำนักงานขนส่งพื้นที่และจังหวัด ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่ให้บริการต่อภาษีรถยนต์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส และที่สะดวกอย่างมากคือการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ที่ https://eservice.dlt.go.th

เอกสารที่ต้องใช้ในการต่อภาษีรถยนต์ประกอบด้วย

• เล่มจดทะเบียนรถยนต์ (ฉบับจริงหรือสำเนา)
• พ.ร.บ. รถยนต์
• ใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ (เฉพาะรถยนต์ที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป / รถจักรยานยนต์ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป)

ทั้งหมดนี้คือความสำคัญของคนที่เป็นเจ้าของรถทุกคนที่จะต้องทราบไว้เพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย และเป็นการช่วยรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ใช้รถใช้ถนน ผู้สัญจร หากคุณกำลังมองหาที่ต่ออายุ พ.ร.บ. หรือประกันภัยรถยนต์ ขอแนะนำ อินชัวร์เวิร์ส ผู้ให้บริการด้านประกันรถยนต์แบบครบวงจร เช็กเบี้ย พ.ร.บ. ได้ที่นี่!