vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
รถเก๋งไฟฟ้า และรถเก๋งน้ำมัน แบบไหนใช้งานได้ดีกว่ากัน

รถเก๋งไฟฟ้า และรถเก๋งน้ำมัน แบบไหนใช้งานได้ดีกว่ากัน

schedule
share

ถ้าพูดถึงรถที่ใช้ไฟฟ้าแล้ว อดพูดไม่ได้ว่าเป็นรถเก๋งแห่งอนาคต ที่ใช้พลังงานสะอาดในการขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถพบเห็นรถไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน และศูนย์บริการต่าง ๆ ที่เริ่มจะให้บริการในการชาร์จไฟฟ้าให้กับรถไฟฟ้าเหล่านี้

แต่รถไฟฟ้านั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่ารถที่ใช้น้ำมันทั่วไป และการบำรุงรักษาต่าง ๆ ค่อนข้างยุ่งยากเนื่องด้วยต้องใช้ความรู้ในทางเฉพาะด้าน ทำให้ต้องไปหาช่างเฉพาะเท่านั้น ไหนจะการที่คุณจะทำการชาร์จรถแต่ละทีอาจกินเวลาถึง 30 นาที ถึงแม้จะเป็นแบบ fast charge เมื่อเทียบกับการเติมน้ำมันปกติแล้วจะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที 

รถเก๋งไฟฟ้า และรถเก๋งน้ำมัน แบบไหนใช้งานได้ดีกว่ากัน

เรามาดูกันว่า จริง ๆ แล้วรถทั้งสองแบบ มีข้อดีอย่างไรบ้าง และรถแบบไหนที่ให้ความคุ้มค่าที่สุด
    

ข้อดีของรถเก๋งน้ำมัน

1 ราคาถูกกว่ารถไฟฟ้า

ราคารถน้ำมันถูกกว่าในประเทศไทย เนื่องด้วยฐานการผลิตในประเทศ แต่รถไฟฟ้าต้องนำเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ และมีฐานการผลิตในประเทศที่น้อย ทำให้ต้นทุนของรถไฟฟ้ามีมากกว่า เมื่อเทียบกับรถน้ำมันที่มีจำนวนมากในตลาดรถยนต์ปัจจุบัน

2 อายุการใช้งานที่ยาวกว่า

รถน้ำมันมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารถไฟฟ้าค่อนข้างมาก เนื่องด้วยระบบการทำงานของรถ ที่มีความเสถียรภาพมากกว่า เนื่องด้วยรถน้ำมันนั้น ถูกออกแบบมาให้ขับขี่บนท้องถนนเป็นเวลานาน และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จึงไม่แปลกที่จะสามารถขับขี่ได้ยาวนานกว่ารถไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถพลังงานทางเลือกใหม่

3 การบำรุงรักษาที่ง่ายกว่าและมีศูนย์บริการที่ทั่วถึงกว่า

ศูนย์บริการของรถน้ำมันมีมากกว่ารถไฟฟ้า เพราะรถน้ำมันคือรถพื้นฐานที่คนทุกคนใช้กัน และใช้มาเป็นเวลานาน จึงมีศูนย์บริการที่มากกว่า ไร้กังวลเมื่อรถของคุณเสียกลางทาง

4 ระยะเวลาการใช้งานต่อการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง มากกว่าการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง

อีกข้อดีของรถน้ำมันคือเรื่องของความจุเชื้อเพลิง เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าแล้ว รถน้ำมันสามารถขับเคลื่อนได้ไกลกว่า

ข้อดีของรถเก๋งไฟฟ้า

1 ขับขี่ได้เงียบกว่า

รถไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างจะเบากว่ารถที่ใช้น้ำมันอยู่เยอะ ซึ่งเป็นข้อดีของคนที่ไม่ชอบเสียงดังในการขับรถ และหากรถเกิดเสียงที่ผิดปกติขึ้น เราจะทราบได้ทันทีว่ารถมาปัญหา

2 เป็นพลังงานสะอาด 

ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งมลภาวะที่เป็นพิษสู่โลก ข้อดีของการใช้รถไฟฟ้าคือไม่ส่งมลพิษต่อโลกนั่นเอง

3 อนาคตอาจเป็นที่ต้องการมากขึ้น

ในอนาคตความต้องการใช้การใช้งานของรถไฟฟ้า จะมีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่ปัจจุบัน รถไฟฟ้ายังมีประสิทธิภาพได้ดีไม่เท่ากับรถน้ำมัน จึงยังทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่นิยมใช้งาน แต่ในอนาคตอันใกล้ รถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน

4 มีระบบที่ทันสมัยกว่ารถน้ำมันโดยทั่วไป

มีระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่บนรถ ทั้งระบบจอสัมผัส ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติ และอื่น ๆ ที่ในอนาคตรถไฟฟ้าจะถูกพัฒนาโปรแกรมในการขับขี่ได้ดีกว่ารถน้ำมันอย่างแน่นอน

รถเก๋งแบบไหนใช้ดีกว่ากัน

ในปัจจุบันถึงแม้รถไฟฟ้าจะดูไฮเทคและดูใช้งานได้หลาย ๆ อย่างที่รถน้ำมันไม่สามารถทำได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถที่ใช้น้ำมันนั้นใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่า ทั้งการบำรุงรักษา และสถานที่เติมน้ำมัน รวมไปถึงการขายต่อ ที่รถใช้น้ำมันยังเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่ารถไฟฟ้า 

เรื่องศูนย์บริการสำหรับรถไฟฟ้า ถึงแม้จะเริ่มมีให้บริการตาม ห้างต่าง ๆ แล้ว แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างที่จะหายากในการที่จะชาร์จแบตเตอรี่แต่ละครั้ง ผนวกด้วยการที่รถไม่สามารถขับได้นานนัก เนื่องด้วยปริมาณแบตเตอรี่ที่มี ทำให้ค่อนข้างลำบากในการเดินทางไกล เพราะในต่างจังหวัดนั้นค่อนข้างจะหาศูนย์บริการได้ยาก

ดังนั้น รถน้ำมันจึงยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า หากคุณต้องการใช้รถในระยะยาว เพราะเราไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าในอนาคตจะออกมาในทิศทางไหน แต่สำหรับรถน้ำมัน เราเข้าใจ และสามารถประเมินหลาย ๆ อย่างได้ 

รถเก๋งไฟฟ้า และรถเก๋งน้ำมัน แบบไหนใช้งานได้ดีกว่ากัน

บทสรุป

ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งไฟฟ้าหรือน้ำมัน สิ่งสำคัญที่ต้องมี คือประกันรถยนต์ เพราะรถทุกคันมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน การมีความคุ้มครองจากประกัน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถของคุณ เลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับทาง insurverse พร้อมมอบความคุ้มครองทันทีที่ทำ เคลมง่าย จ่ายเบี้ยถูก และคุ้มครองได้ครอบคลุมที่สุด 

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)