vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ควรเลือกทำสีรถยนต์แบบเฉพาะจุด หรือทั้งคันดีกว่ากัน

ควรเลือกทำสีรถยนต์แบบเฉพาะจุด หรือทั้งคันดีกว่ากัน

schedule
share

ปัญหาเฉี่ยวชนในการขับรถ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าผู้ใช้รถอย่างเรา ๆ จะระวังกันมากแค่ไหนก็ตาม และถ้าเป็นรถใหม่ที่เรารักด้วยแล้วล่ะก็ การจะทนดูรอยทุกครั้งที่ต้องใช้รถ คงจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดใจไม่น้อย การทำสีรถยนต์ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการจบปัญหานี้ แต่เชื่อว่าผู้ใช้รถหลายคน อาจจะยังเลือกไม่ถูกว่าควรทำสีรถทั้งคัน หรือจะทำสีรถยนต์เฉพาะจุดดี โดยเฉพาะคนที่มีประกันรถยนต์ชั้น 1 และอยากที่เคลมทำสี วันนี้ insurverse เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝาก 

การทำสีรถยนต์ มีแบบไหนบ้าง

การทำสีรถยนต์ มีแบบไหนบ้าง

ในปัจจุบัน การทำสีรถยนต์ จะมีอยู่ทั้งหมด 3 แนวทาง ก็คือ ทำสีรถยนต์แบบ 1K ทำสีรถยนต์แบบ 2K และ ทำสีรถยนต์แบบ OEM ซึ่งจะมีความแตกต่างในส่วนของสีที่ใช้ ขั้นตอน และคุณภาพที่ได้ ดังนี้ 

ทำสีรถยนต์แบบ 1K

การทำสีรถยนต์แบบ 1K (1K Komponent) หรือที่คนส่วนใหญ่ชอบเรียกกันว่า สีแห้งเร็ว จะเป็นการนำสี 1K ไปผสมกับทินเนอร์ที่เป็นตัวทำละลาย ก่อนจะนำไปพ่นลงบนตัวรถ และเมื่อปล่อยทิ้งเอาไว้ ตัวทำละลายจะระเหยออกจนหมด เหลือแต่สีที่แห้งติดกับตัวรถ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สีแบบ 1K จะมีให้เลือกทั้งแบบแห้งเร็ว และแบบแห้งช้า แต่อู่ทำสีส่วนใหญ่มักเลือกแบบแห้งเร็วมาใช้งาน เพราะไม่ต้องนำรถเข้าอบสีก็ได้ จึงทำให้กลายเป็นภาพจำว่า การทำสีแบบ 1K นั้นแห้งเร็ว 

ประเภทของสี 1K 

  • สี 1K ซินเทติกอีมาเมล หรือสีน้ำมัน เป็นแบบแห้งตัวช้า ที่จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และทำให้สีแห้งลง
  • สี 1K ไนโตรเซลลูโลส เป็นสีแบบแห้งตัวเร็ว ที่จะใช้คู่กับตัวทำละลายอย่างทินเนอร์ ให้ระเหยออกไปจนเนื้อสีแห้ง 
  • สี 1K อะคริลิค เป็นสีแบบแห้งเร็วอีกหนึ่งตัว แต่จะไม่เร็วเท่าไนโตรเซลลูโลส โดยจะใช้ตัวทำละลายอย่างทินเนอร์ไม่ต่างกัน 

ทำสีรถยนต์แบบ 2K

การทำสีรถยนต์แบบ 2K (2K Komponent) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสีแห้งช้า จะเป็นสีที่มีส่วนผสมของสารเร่งปฏิกิริยาระหว่างเรซินกับเม็ดสี และสารปรุงแต่งที่ทำให้มีความเงางาม จึงได้รับความนิมสูง ในการทำมาพ่นสีรถยนต์ใหม่ทั้งคัน เพราะมีคุณภาพที่เกือบจะเทียบเท่ากับสี OEM จากโรงงาน ในการทนต่อสภาพแวดล้อมในการใช้งาน

ทำสีรถยนต์แบบ OEM

 การทำสีรถยนต์ OEM หรือที่เรียกกันว่าสีอบ เป็นสีที่มีคุณภาพมากที่สุดในการทำสีรถยนต์ เพราะต้องใช้ความร้อนในการอบสูงถึง 120 – 160 องศาเซลเซียส จึงมีชั้นฟิล์มที่แข็งแรง ทนทานต่อสารเคมี และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างแสงแดดได้เป็นอย่างดี จึงเป็นสีที่ได้มาจากรถป้ายแดงเพียงเท่านั้น เพราะอู่ซ่อมสี หรือศูนย์บริการก็ไม่สามารถทำสีรถยนต์ด้วยวิธีนี้ได้ 

ทำสีรถยนต์เฉพาะจุด กับ ทำสีรถทั้งคัน เลือกแบบไหนดี

ทำสีรถยนต์เฉพาะจุด กับ ทำสีรถทั้งคัน เลือกแบบไหนดี

หากเป็นรอยนิดหน่อย การเลือกทำสีรถยนต์เฉพาะจุดจะดีกว่า เพราะการเลือกทำสีรถทั้งคันมีความเสี่ยงมากเกินไป อย่างที่เราได้อธิบายไปว่า การทำสีรถยนต์ตามอู่ ต่อให้จะเจออู่ทำสีที่ชำนาญขนาดไหน คุณภาพที่ได้ก็จะไม่เทียบเท่าสีรถจากโรงงานอยู่ดี และมีโอกาสเจอการเก็บงานที่ไม่ละเอียด สีไม่เรียบเนียน เป็นฟองอากาศ และอาจหลุดร่อนหลังใช้งานไปได้ไม่นาน ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้ปวดใจมากกว่าเดิม 

หากทำสีรถยนต์บ่อย จะเกิดผลเสียไหม

การทำสีรถยนต์บ่อยเกินไป จะทำให้สีเพี้ยน และหลุดลอกง่ายกว่าเดิม ยิ่งถ้าเจออู่ที่เก็บงานไม่ดีด้วยแล้ว จะทำให้มีฝุ่นเข้าไปในเนื้อสี และทำให้สีดูเป็นคลื่น หนักหน่อยก็อาจจะมีฟองอากาศด้วย ซึ่งจะทำให้รถดูไม่สวยเหมือนเก่า และหากอยากขายต่อ ก็อาจจะทำให้ราคาตกลงด้วย เพราะดูเหมือนรถที่เฉี่ยวชนมาบ่อย 

ค่าใช้จ่ายในการทำสีรถยนต์ ราคาเท่าไหร่

ราคาค่าใช้จ่ายในการทำสีรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเฉพาะจุด แบบทั้งชิ้น หรือทำสีรถทั้งคัน จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของตัวรถ ขนาดของรถ คุณภาพสีที่ใช้ และความดังของอู่ที่เลือก ซึ่งจะแบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้ 

  • ราคาทำสีรถยนต์เฉพาะจุด : จะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 1,000 – 5,000 บาท
  • ราคาทำสีรถยนต์แบบทั้งชิ้น : จะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท
  • ราคาทำสีรถทั้งคัน : จะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 8,000 – 50,000 บาท  

ทำสีรถยนต์ ใช้เวลากี่วัน

ระยะเวลาในการทำสีรถยนต์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตอบได้ยาก เพราะจะนานหรือไม่นานจะขึ้นอยู่กับชิ้นงานในการทำ แต่โดยปกติ หากเป็นการทำสี 2 -3 ชิ้นงาน จะกินเวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ แต่หากเป็นการทำสีรถทั้งคัน อาจใช้เวลาประมาณ 3 – 4 อาทิตย์ 

ทำสีรถยนต์ อยู่ได้กี่ปี

สีรถยนต์ที่ทำมา จะอยู่ได้ตั้งแต่ 2 – 10 ปี โดยจะขึ้นอยู่คุณภาพสีที่ใช้ ฝีมือของอู่ซ่อมสีรถ และการดูแลรักษาในระหว่างใช้งาน เพราะสีที่ทำมาจะไม่ทนแดด ทนฝน เทียบท่ากับสีจากโรงงาน แต่หากดูแลดี ก็สามารถใช้งานได้นานจนลืมไปเลยก็ได้ 

ควรดูแลรถยนต์หลังทำสีอย่างไร

หลังจากทำสีรถยนต์มา ควรพยายามหาที่จอดหลบแดดถ้าเป็นไปได้ รวมถึงการหมั่นล้างรถ และนำไปเคลือบสีบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยยืดอายุของสีรถให้อยู่ได้นานมากขึ้น   

สรุปบทความ ควรเลือกทำสีรถยนต์แบบเฉพาะจุด หรือทั้งคันดีกว่ากัน

และทั้งหมดนี้ ก็คือความแตกต่างของการทำสีรถยนต์แบบเฉพาะจุด และทำสีรถทั้งคัน ที่คนมีประกันภัยรถยนต์ควรรู้เอาไว้ เพราะหากเกิดการเฉี่ยวชนขึ้นมา และต้องทำการเคลมเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย จะได้เจรจาต่อรองกันให้ดีว่าควรทำหรือเปล่า เพราะไม่มีอะไรสู้สีรถเดิมจากโรงงานได้อีกแล้ว ส่วนใครที่กังวลเรื่องการเฉี่ยวชน แต่ไม่อยากทำประกันชั้น 1 มาทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ กับทาง insurverse ดีกว่า เพราะเป็นประกันรถออนไลน์เจ้าแรกในไทย ที่ให้ผู้ทำประกันเลือกปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามต้องการ ในราคาที่คุ้มค่ากว่าใคร

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)