vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
Easy E-Receipt

Easy E-Receipt คืออะไร? ระบบใบเสร็จดิจิทัลที่สะดวกและรวดเร็ว

schedule
share

Easy E-Receipt เป็นหนึ่งในโครงการของรัฐที่มาพร้อมความสะดวกสบายแบบสุด ๆ สำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษีอย่างชาญฉลาด โครงการนี้ให้คุณใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบเสร็จแบบดิจิทัล ซึ่งออกโดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วม มาเป็นหลักฐานสำหรับลดหย่อนภาษีได้ทันที จุดเด่นคือความง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารหายหรือยุ่งยากในการจัดเก็บอีกต่อไป

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการ คำนวณภาษีรถยนต์ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ใบเสร็จดิจิทัลจากโครงการ Easy E-Receipt สามารถใช้เป็นหลักฐานได้เลย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมบำรุง ค่าประกัน หรือค่าต่อภาษีรถยนต์ ทุกขั้นตอนถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณลดภาระการจัดการเอกสาร และมั่นใจได้ว่าเอกสารอยู่ครบถ้วนพร้อมใช้เมื่อต้องการ

เงื่อนไข Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 2568 ที่ควรรู้

สำหรับปี 2568 มาตรการ Easy E-Receipt มาแรงสุด ๆ ช่วยให้คนไทยลดภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท! แต่ก่อนจะพุ่งไปใช้สิทธิ์ มาดูกันว่าเงื่อนไขมีอะไรบ้าง

แบ่งการลดหย่อนออกเป็น 2 ส่วน

  1. 30,000 บาทแรก
    ใช้จ่ายจากร้านค้าทั่วไป ร้านเล็ก ร้านใหญ่ รับสิทธิ์ได้หมด ขอแค่ร้านนั้นออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้
  2. 20,000 บาทเพิ่มเติม
    เฉพาะการใช้จ่ายกับร้านที่มีความพิเศษ เช่น
    • ร้าน OTOP ที่จดทะเบียนถูกต้อง
    • วิสาหกิจชุมชน หรือ
    • วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)

เรียกง่าย ๆ ว่าเน้นส่งเสริมร้านค้าชุมชน ใครอุดหนุนร้านแบบนี้ก็ได้ส่วนลดภาษีเพิ่มขึ้นอีก 20,000 บาท

หลักฐานที่ต้องมี

จะใช้สิทธิ์ลดหย่อน ต้องไม่ลืมเก็บเอกสารให้ครบถ้วน โดยต้องมี

  • ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือ
  • ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt)

สิ่งสำคัญคือเอกสารนี้ต้องมี ชื่อ-นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน ของผู้ซื้อระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อใช้ในการยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง

ช่วงเวลาสำคัญที่ต้องรู้

มาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 2568 จะเริ่มต้น ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568
รวมทั้งหมด 45 วัน อย่าลืมจดไว้ในปฏิทิน หรือเตือนตัวเองในมือถือ จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ

ขั้นตอนการใช้สิทธิ์

  1. เลือกซื้อสินค้าและบริการ จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
  2. รับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือ e-Receipt
  3. เก็บเอกสาร ไว้ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีในปี 2568

เข้าใจเงื่อนไขแบบนี้แล้ว การวางแผนใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

รวมสินค้าและบริการที่สามารถใช้ Easy E-Receipt ได้

สินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

หมวดนี้เป็นหมวดที่กว้างที่สุด เพราะสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด แต่ต้องมีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องมีเอกสารใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice หรือ e-Receipt) และต้องเป็นสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจริง ๆ สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ของสดหรือสินค้าบางประเภทที่ซื้อจากร้านค้าทั่วไป จะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ ตัวอย่างสินค้าและบริการในหมวดนี้ เช่น

  • สินค้าอุปโภคบริโภคที่ขายในห้างสรรพสินค้า เช่น ของใช้ในครัวเรือน อาหารแปรรูป
  • บริการในห้างสรรพสินค้า เช่น ซักรีด ซ่อมเสื้อผ้า
  • ค่าอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารที่ออกใบกำกับภาษีได้
  • บริการเช่าพื้นที่หรือค่าใช้จ่ายทางธุรกิจที่มีใบกำกับภาษี

สินค้า OTOP

สำหรับคนที่ชื่นชอบสินค้าไทย ๆ หรืออยากสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ข่าวดีคือ สินค้า OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยมีข้อกำหนดว่า สินค้า OTOP ที่เข้าข่ายต้องได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาชุมชน และการซื้อขายต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์

ตัวอย่างสินค้า OTOP ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ เช่น

  • ผ้าไหม ผ้าฝ้ายทอมือ
  • ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น สบู่สมุนไพร ยาหม่อง
  • อาหารแปรรูป เช่น กล้วยตาก ผลไม้อบแห้ง
  • ของใช้หรือของตกแต่งบ้านที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ

หนังสือและ E-Book

สายอ่านต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือและ E-Book สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ไม่ว่าคุณจะชอบอ่านนวนิยาย บทความวิชาการ หรือหนังสือเพื่อการเรียนรู้ ขอแค่มีใบเสร็จแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อกำหนด ก็สามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มที่

ประเภทหนังสือที่เข้าข่าย

  • หนังสือที่ขายในร้านหนังสือที่ออกใบเสร็จ e-Tax Invoice
  • หนังสือดิจิทัล (E-Book) จากผู้ให้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • หนังสือที่ซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการเสีย VAT

ข้อควรระวัง: หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และวารสารบางประเภทที่ไม่ได้มีใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ อาจไม่เข้าข่ายการลดหย่อนภาษี

สินค้าและบริการเฉพาะกิจที่รัฐกำหนด

ในบางกรณี รัฐบาลอาจกำหนดสินค้าและบริการเพิ่มเติมที่เข้าข่ายการลดหย่อนภาษี โดยเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจในบางช่วง ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในจังหวัดรอง (55 จังหวัด) ที่เข้าร่วมโครงการเที่ยวเมืองรอง

ตัวอย่างที่อาจเข้าข่ายในหมวดนี้:

  • ค่าที่พักในโรงแรมหรือรีสอร์ตที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
  • ค่าบริการนำเที่ยวที่มีใบเสร็จ e-Receipt
  • ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในจังหวัดรอง เช่น ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่าไกด์นำเที่ยว

เงื่อนไขสำคัญที่ควรรู้

  1. สินค้าและบริการที่ลดหย่อนได้ ต้องซื้อระหว่างวันที่กำหนดในปีภาษีเท่านั้น
  2. ต้องมีเอกสารหลักฐานที่เป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น เอกสารที่เป็นกระดาษธรรมดาหรือไม่มีเลขที่อ้างอิงที่ถูกต้องจะไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
  3. สินค้าและบริการบางประเภท เช่น การซื้อทรัพย์สินถาวรหรือบริการที่ไม่มี VAT จะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในโครงการนี้ได้

สินค้าและบริการที่ไม่ได้รับการลดหย่อน Easy E-Receipt 2568

ถึงแม้ว่าจะมีสินค้าและบริการที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในปี 2568 แต่ก็มีบางประเภทที่ไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้เหมือนกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ไม่เข้าข่ายการลดหย่อนครั้งนี้

1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และสินค้าอันตราย

สินค้าเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิลดหย่อนภาษี แต่ยังอาจเพิ่มภาระด้านสุขภาพและการเงินของคุณอีกด้วย เช่น

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท
  • บุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบ
  • สินค้าหรือบริการที่มีลักษณะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. น้ำมัน ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ

การเติมน้ำมันหรือก๊าซสำหรับยานพาหนะ เช่น เบนซิน ดีเซล หรือก๊าซธรรมชาติ ไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เพราะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

3. รถยนต์ เรือ และยานพาหนะ

แม้ว่าการซื้อหรือซ่อมบำรุงยานพาหนะจะเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ แต่สินค้าเหล่านี้ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ เช่น

  • การซื้อรถยนต์ใหม่หรือมือสอง
  • การซื้อเรือหรือยานพาหนะประเภทอื่น ๆ

4. ค่าใช้จ่ายด้านที่พักอาศัย

ค่าใช้จ่ายบางประเภทที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้รับการลดหย่อน เช่น

  • ค่าเช่าบ้านหรืออพาร์ตเมนต์
  • ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต

5. บริการที่ไม่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ

บริการที่ไม่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบตามมาตรฐานกรมสรรพากร เช่น ใบเสร็จที่ไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีหรือรายละเอียดครบถ้วน จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

6. ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน

แม้การลงทุนจะช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ได้รับสิทธิลดหย่อน เช่น

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น
  • ค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนรวม

7. สินค้าและบริการที่ซื้อจากต่างประเทศ

การซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการในต่างประเทศไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ ยกเว้นกรณีที่ร้านค้านั้นเป็นผู้ประกอบการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มของไทยและออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ

8. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและฟุ่มเฟือย

ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับความบันเทิงหรือการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น

  • ค่าบริการในสถานบันเทิง
  • การซื้อของขวัญหรือของฝากที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

9. ค่ารักษาพยาบาลที่ไม่อยู่ในสิทธิลดหย่อน

แม้ค่ารักษาพยาบาลบางประเภทจะลดหย่อนได้ แต่มีบางกรณีที่ไม่เข้าข่าย เช่น

  • ค่ารักษาที่ไม่มีใบเสร็จตามมาตรฐาน
  • ค่ารักษาจากสถานพยาบาลในต่างประเทศที่ไม่มีการออกใบกำกับภาษีไทย
Thai money

จะรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ได้?

การตามล่าหา “ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์” หรือ e-Receipt ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะมีให้เสมอไป ใครที่อยากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจาก Easy E-Receipt ต้องรู้ก่อนว่า ร้านแบบไหนบ้างที่สามารถออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ได้ และนี่คือคำตอบแบบเข้าใจง่าย ไม่งง ไม่หลงทาง

1. ร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร้านไหนที่เก็บ VAT เวลาเราซื้อของหรือใช้บริการ เช่น ร้านในห้างใหญ่ ๆ หรือแบรนด์ที่เราคุ้นชื่อ ถ้าสงสัยว่าร้านนี้เก็บ VAT ไหม ให้ลองเช็กในใบเสร็จหรือใบกำกับภาษี ถ้ามี VAT แปลว่าร้านนั้นมีโอกาสออก e-Receipt ได้สูงมาก

2. ร้านที่ใช้ระบบ e-Tax Invoice e-Receipt เป็นส่วนหนึ่งของระบบ e-Tax Invoice ซึ่งเป็นการออกเอกสารทางภาษีในรูปแบบดิจิทัล ถ้าร้านไหนใช้ระบบนี้ ส่วนใหญ่จะออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ได้แน่นอน วิธีง่าย ๆ คือถามพนักงานหรือดูที่หน้าร้านว่ามีป้ายแจ้งหรือไม่

3. ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการภาษีของรัฐ ธุรกิจที่อยู่ในหมวดหมู่สนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ร้านค้าโครงการช้อปดีมีคืน หรือร้านที่ขายสินค้า OTOP แบบมีมาตรฐาน มักจะมีระบบออกใบเสร็จ e-Receipt เพื่อสนับสนุนการลดหย่อนภาษี ตรวจสอบได้ง่ายแค่ถามพนักงานหรือดูใบเสร็จที่ออกมา

4. ร้านออนไลน์ใหญ่ ๆ เว็บช้อปปิ้งออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง เช่น เว็บไซต์ที่ขายสินค้าแบบ e-Commerce เจ้าใหญ่ ๆ มักจะมีระบบ e-Receipt ให้ลูกค้าด้วยเช่นกัน ลองดูที่หน้าการชำระเงิน หรือในอีเมลยืนยันคำสั่งซื้อ ถ้ามีการแจ้งว่าออกใบเสร็จแบบ e-Tax Invoice ได้ ก็มั่นใจเลยว่าคุณใช้สิทธิลดหย่อนได้แน่นอน

5. วิธีง่ายที่สุด ถามก่อนซื้อ อย่าปล่อยให้สงสัยจนสายเกินไป ถ้าคุณอยากรู้ว่าร้านที่ซื้อของมีใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ไหม ให้ถามพนักงานหรือเจ้าของร้านก่อนซื้อเลย

นอกจากนี้ ยังสามารถเช็คได้ผ่านทางสองลิงก์นี้อีกด้วย 

  • https://interapp3.rd.go.th/signed_inter/publish/register.php
  • https://etax.rd.go.th/etax_staticpage/app/#/index/main#top

นอกจากการซื้อสินค้า OTOP หรือบริการในห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการแล้ว คุณยังสามารถวางแผนลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกซื้อประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตที่มีสิทธิลดหย่อนภาษีได้ และถ้ากำลังมองหาประกันที่ตอบโจทย์ insurverse พร้อมตอบโจทย์ด้วยประกันรูปแบบใหม่สามารถ DIY ได้ อยากได้ประกันแบบไหน คุ้มครองอะไรบ้าง อยากจ่ายเท่าไหร่ จิ้มเลือกได้เลย

รวมคำถามที่พบบ่อย 

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)