อุบัติเหตุขับรถชนหมา-แมว คงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตามตรอกซอกซอยในบ้านเรานั้นมีหมาจร และแมวจรอยู่เต็มไปหมด ต่อให้ขับระวังแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะขับชนอยู่ดี ใครที่อยากรู้ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวเรา จะสามารถเคลมประกันได้ไหม เราจะมาไขข้อสงสัยกัน
คนที่กำลังสงสัยว่า การพิสูจน์ถูกผิดในกรณีขับรถชนหมา-แมว ดูกันที่อะไร หลักๆ จะแบ่งเป็น 3 เกณฑ์ในการพิจารณา โดยยึดตามข้อกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ฉบับปัจจุบัน ดังนี้
หากการขับรถชนหมา-แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ คู่กรณีจะเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นที่ต้องรับผิดชอบ ในการปล่อยปละละเลยให้วิ่งอยู่บนถนน แต่หากเป็นสุนัขจรจัด หรือแมวจร ก็จะเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งประกันที่รับผิดชอบจะมีเพียงประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ประกันประเภทอื่นจะไม่คุ้มครองหากไม่มีคู่กรณี
อีกหนึ่งเกณฑ์พิจารณาที่มักจะใช้เป็นข้อโต้แย้ง คือ ผู้ขับขี่นั้นตั้งใจขับรถชนหมา-แมว ซึ่งจะเป็นข้ออ้างที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักใช้ แต่ก็ต้องมาพิสูจน์กันตามขั้นตอนทางกฎหมายอีกที ถ้าผู้ขับขี่ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่ผิด เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็จะต้องรับผิดเป็นคู่กรณีตามเดิม
สถานที่ที่ขับรถชนหมา-แมว ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่จะมีผลทางกฎหมาย หากการขับรถชนหมา-แมว เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนบุคคล ผู้ขับขี่ก็จะเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ แต่หากเป็นถนนสาธารณะ ก็จะพิจารณาตามเกณฑ์สองข้อด้านบน
เหตุการณ์ขับรถชนหมา-แมว ส่วนใหญ่ในบ้านเราล้วนเป็นหมาจร และแมวจรทั้งนั้น จึงเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีซะส่วนมาก ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันประเภทเดียวที่ให้การคุ้มครองแบบไม่มีคู่กรณี ถ้าเป็นประกันชั้นอื่นจะไม่ได้การคุ้มครองตรงจุดนี้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมประกันรถยนต์ชั้น 1 ถึงคุ้มค่าแก่การทำ
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ที่ทัศนวิสัยนั้นย่ำแย่กว่าช่วงกลางวัน บวกกับถนนหนทางในบ้านเราที่ค่อนข้างแคบ ทำให้โอกาสขับรถชนหมา-แมว นั้นมีมาก การขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท ด้วยการลดความเร็วลงเมื่อผ่านแหล่งชุมชน จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่ง
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง