vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง แตกต่างอย่างไร กับแบบกึ่งแห้ง อันไหนดีกว่ากัน

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง แตกต่างอย่างไร กับแบบกึ่งแห้ง อันไหนดีกว่ากัน

schedule
share

แบตเตอรี่แบบแห้งหรือกึ่งแห้ง แบบไหนที่คนทั่วไปเลือกใช้ กัน  แล้วทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไรในด้านของการใช้งานและในด้านอื่น ๆ ที่ผู้ใช้งานรถทุกคนควรรู้ไว้เพื่อตัดสินใจในการเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งและแบบกึ่งแห้งดีกว่ากัน

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง แตกต่างอย่างไร กับแบบกึ่งแห้ง อันไหนดีกว่ากัน

แบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่กึ่งแห้ง ทั้งสองแบบเป็นแบตเตอรี่ตะกั่วกรดหมายถึง แบตเตอรี่ที่ใช้น้ำกรด ในการทำปฏิกิริยากับแผ่นตะกั่วและผงโลหะ ทำให้เกิดความสามารถในการกักเก็บและถ่ายเทพลังงานไฟฟ้า ซึ่งข้อแตกต่างของแบตเตอรี่ทั้งสองที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือรูปแบบของฝาแบตเตอรี่

แบตเตอรี่แบบแห้ง คืออะไร?

แบตเตอรี่แบบแห้งพูดง่าย ๆ ก็คือแบตเตอรี่แบบที่ปิดสนิท ไม่มีจุดสำหรับเติมน้ำกลั่น ทำให้แบตเตอรี่แห้งไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้นแบตเตอรี่แห้งจะลดโอกาสในการสูญเสียหรือรั่วไหลของน้ำกรดในแบตเตอรี่ได้

ในส่วนของการระบายความร้อน ไอกรด แรงดัน ในตัวแบตเตอรี่จะถูกระบายออกมาผ่านทางรูระบายไอกรดด้านข้างของแบตเตอรี่ ซึ่งรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานแบตเตอรี่แห้ง จะมีท่อระบายไอกรดออกนอกห้องโดยสาร เพราะฉะนั้นแบตเตอรี่แห้ง จึงเหมาะกับการติดตั้งกับรถยนต์ที่ออกแบบการวางแบตเตอรี่ไว้ในห้องโดยสาร หรือกระโปรงท้ายรถ

แบตเตอรี่กึ่งแห้ง คืออะไร?

แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง มีการออกแบบฝาแบตเตอรี่ แบบมี. น้ำกลั่นพร้อมรูระบายไอกรดที่เดียวกัน ความร้อนและแรงดันต่าง ๆ เรียบไปกับฝาแบตเตอรี่ เพื่อความสะดวกและการดูแลที่ง่าย โดยแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง จะถูกออกแบบให้มีปริมาณน้ำกรดในความเข้มข้นที่เหมาะสม และมีอัตราการระเหยที่สมดุล ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่แบบแห้ง เพียงแต่มีการระบายไอกรด ตรงตัวแบตเตอรี่เลย

แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งเหมาะกับรถยนต์ใช้งานปกติประจำวัน หากผู้ขับขี่มีการใช้งานรถยนต์หนักหรือวิ่งเกินวันละ 90 กิโลขึ้นไป เพื่อยืดอายุการใช้งาน แบตเตอรี่ที่มากยิ่งขึ้น ควรตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมออย่าให้ลดลงมากเกินไป

ควรเลือกใช้งานแบตเตอรี่แบบไหนมากกว่ากัน

การเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ได้กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถของแต่ละบุคคล ความคุ้มค่าในการตัดสินใจเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์นั้นเว้นวรรคต้องดูในเรื่องของคุณภาพ การดูแลรักษา ราคา และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ประกอบด้วย 

อายุการใช้งาน ของแบตเตอรี่แบบแห้งอยู่ที่เท่าไหร่?

โดยส่วนใหญ่แล้วการใช้งานของแบตเตอรี่แบบแห้งจะอยู่ที่ประมาณ1 ปีครึ่งถึง 2 ปีครึ่ง ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและสภาพการใช้งาน หรือคิดเป็นระยะทางในการขับขี่ประมาณ 50,000 ถึง 70,000 กิโลเมตร  แต่หากได้รับการดูแลอย่างดีและต่อเนื่องอาจใช้งานได้นานถึง 5 ถึง 10 ปี 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบบแห้งสั้นลงมีดังนี้

1 อุณหภูมิที่ร้อนเกินไป 

เมื่อมีการใช้งานแบตเตอรี่แห้งด้วยอุณหภูมิที่สูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายวัน อาจทำให้น้ำกรดภายในแบตเตอรี่แห้งได้เร็วกว่าปกติ

2 ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ที่ไม่เสถียร

หากคุณมีการปรับแต่งอุปกรณ์เพิ่มเติม จากที่ให้มาในตัวรถ ซึ่งอาจทำให้การใช้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ไม่เสถียร ส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบบแห้งมีการเสื่อมลงอย่างรวดเร็วได้

3 ชาร์จไฟไม่ถูกต้อง หรือไม่ชาร์จไฟเลย

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง จำเป็นต้องมีการชาร์จไฟด้วย หากคุณชาร์จไฟด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่เคยชาร์จไฟเข้ากับแบตเตอรี่แบบแห้งของคุณเลย จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบบแห้งสั้นลง

บทสรุป

อายุการใช้งาน ของแบตเตอรี่แบบแห้งอยู่ที่เท่าไหร่?

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์แบบไหนทั้งแบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง ความปลอดภัยในการใช้รถก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะการเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ที่เหมาะกับรถของคุณ นอกจากจะทำให้รถของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยางลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน และการมี พ.ร.บ. รถยนต์ จะช่วยลดความเสี่ยงของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุได้อีกด้วย

อย่าลืม ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ของคุณเสมอทุกปี เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน และช่วยให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ขับขี่

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)