การเช็ครถก่อนเดินทางไกล เป็นเรื่องที่คนใช้รถยนต์ควรมีความรู้เบื้องต้นติดตัวเอาไว้บ้าง เพราะในบางครั้ง เราคงไม่ได้มีเวลาไปศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง การรู้วิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล จะทำให้เราขับขี่ได้ปลอดภัยมากขึ้น แบบไม่ต้องแวะกินข้าวลิงข้างทาง
หลายคนอาจคิดว่า การตรวจเช็คสภาพรถเป็นเรื่องยาก ต้องมีความรู้เรื่องช่างยนต์ถึงจะทำได้ ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการเช็คสภาพรถเบื้องต้นนั้น เป็นเพียงการดูส่วนต่างของรถเราว่าทำงานได้ตามปกติหรือเปล่า ส่วนวิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกลมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
ปัญหาที่คนใช้รถเจอบ่อยที่สุด ก็คือ รถยนต์สตาร์ทไม่ติด สาเหตุส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นปัญหาขั้วแบตที่ต่อไม่ดี น้ำกลั่นอยู่ในระดับต่ำเกินไป หรือมีขี้เกลือเกาะอยู่ จึงต้องหมั่นตรวจเช็ค และทำความสะอาดอยู่เสมอ
ยางรถยนต์ และช่วงล่าง เป็นอีกจุดสำคัญที่ต้องตรวจเช็คสภาพรถ เพราะการเดินทางไกลส่วนมากจะต้องใช้ความเร็วมากกว่าปกติ นอกจากลมยางที่เติมจะต้องพอดีแล้ว ควรดูที่ดอกยางว่ายังมีเหลือไหม และถ้ามีเวลากว่านั้น การนำรถไปเช็คสภาพของโช้ค และลูกหมากให้ครบไปเลยทีเดียวได้ยิ่งดี
เพราะถนนต่างจังหวัดเป็นทางตรงยาว และมีจุดกลับรถ หรือแยกอันตรายค่อนข้างเยอะ ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดไฟเพื่อขอทาง หรือส่งสัญญาณในการเลี้ยวทุกครั้ง ระบบไฟในรถจึงจะต้องทำงานได้ปกติ
การวิ่งรถระยะไกล มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอถนนลื่นจากฝนตก จึงควรตรวจเช็คระบบเบรก น้ำมันเบรก และน้ำมันเครื่องให้อยู่ในสภาพปกติพร้อมใช้งาน เพราะอาจส่งผลต่อเครื่องยนต์จากการใช้งานทางไกลได้ โดยเฉพาะน้ำมันเบรกและระบบเบรก ที่เป็นเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่
ความร้อน เป็นปัญหาหลักที่ทำให้เครื่องยนต์เกิดการโอเวอร์ฮีท และน็อคตายกลางทางระหว่างขับขี่ จึงควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็น และอุปกรณ์ภายในต่างๆ ว่ามีการรั่วหรือชำรุดตรงไหนไหม
เพราะฝนบ้านเราตกได้ไม่เลือกเวลา และในบางครั้งก็ไม่สามารถหยุดจอดข้างทางได้ ที่ปัดน้ำฝน คือ ตัวช่วยเดียวในการเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ หลายคนลืมตรวจเช็คจุดนี้มากที่สุด ทั้งที่สำคัญพอๆ กับส่วนอื่นในการใช้รถ
แตรรถ มีความสำคัญไม่ต่างจากการใช้ไฟให้สัญญาณ โดยเฉพาะในจุดที่เป็นมุมอับ หรือทางแยกที่ต้องให้สัญญาณกัน แตรรถจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้งานได้ตามปกติ
เกียร์ เป็นส่วนหนึ่งของระบบขับเคลื่อนรถ จึงต้องไม่ลืมที่จะเช็คระดับน้ำมันเกียร์ และคลัตช์ว่าอยู่ในจุดที่พอดีต่อการใช้งานหรือไม่ วิธีเช็คนั้นก็ไม่ยาก เพียงจอดรถในที่ราบ และเลื่อนเข้าเกียร์ตั้งแต่ P ไปจนถึง L แล้วจึงดึงก้านวัดออกมาดูว่ายังมีน้ำมันเกียร์อยู่ในระดับปกติหรือเปล่า
แผงหน้าปัดรถยนต์ ใครคิดว่าไม่สำคัญ จริงๆ แล้วมีความสำคัญต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถของเรา รวมไปถึงเกจน้ำมันที่ส่งผลในเรื่องของระยะทางวิ่งที่เหลือด้วย
หลังจากเข้าใจเรื่องการเช็คสภาพรถไปแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนสงสัย คือการเติมลมยางรถยนต์ ไม่รู้ว่าจะต้องเติมที่เท่าไหร่ คำตอบก็คือ ควรเติมให้มากกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดมา 2-3 psi เพื่อลดการเสียดสีกับพื้นถนน ให้ไม่เสี่ยงต่อการระเบิด ทั้งยังช่วยในเรื่องประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย
การพักรถในระหว่างเดินทางไกล มีความสำคัญไม่แพ้การเช็ครถก่อนเดินทางไกล แต่เรื่องนี้ไม่มีถูกหรือผิด แต่เวลาที่แนะนำ คือ ไม่ควรขับเกิน 3 ชั่วโมงติดต่อกัน เพราะไม่ใช่แค่สภาพรถยนต์ที่เสี่ยงเกิดความร้อนสูง แต่ผู้ขับขี่เองก็อาจจะเกิดการเมื่อยล้าได้เช่นกัน
นอกจากการเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลเป็นเรื่องที่สำคัญแล้ว การทำประกันรถยนต์เอาไว้ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องเดินทางไกลบ่อยแบบไม่ควรมองข้าม เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ หากไม่มีประกันไว้ อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ปวดหัวตามมาอีกเพียบ
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ประกันแต่ละชั้นต่างกันยังไง ไขข้อข้องใจให้เข้าใจความแตกต่างของประกันแต่ละชั้นง่าย ๆ ให้คุณตัดสินใจเลือกประกันได้อย่างมั่นใจ ตอบชัดทุกข้อสงสัยแน่นอน
ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท เรื่องที่คนมีรถต้องรู้ เคลียร์ชัดทุกข้อสงสัย เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างประกันภาคบังคับและภาคสมัครใจ แจกแจงความคุ้มครองแบบละเอียด
ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง แตกต่างจากประกันชั้น 3+ อย่างไรหาคำตอบได้ในบทความนี้ พร้อมแนะนำประกันชั้น 3 เบี้ยถูก รถอายุ 30 ปี ก็ซื้อประกันออนไลน์ได้