vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
คำนวณผ่อนรถอย่างไรให้ได้ตัวเลขที่เหมาะกับงบของคุณ

คำนวณผ่อนรถอย่างไรให้ได้ตัวเลขที่เหมาะกับงบของคุณ

schedule
share

การจะออกรถคันใหม่ไม่ใช่แค่เรื่องของความฝันหรือความต้องการเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการวางแผนการเงินแบบจริงจัง ใครที่กำลังเล็งจะซื้อรถ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง มานี่เลย! เราจะพาไปล้วงลึกวิธีคำนวณผ่อนรถ แบบละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้รู้ชัด ๆ ว่าคุณพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายนี้แค่ไหน

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคิดเผื่อถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาด้วย หนึ่งในนั้นคือ ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองคุณจากความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด การเลือกประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์และราคาไม่แพงก็สำคัญพอ ๆ กับการคำนวณผ่อนรถ ซึ่ง insurverse ให้คุณซื้อประกันได้ง่าย ๆ ออนไลน์ 100% ไม่ต้องผ่านตัวแทน แถมยังปรับแผนได้ตามใจ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น ช่วยให้คุณบริหารค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถได้อย่างคุ้มค่า

คำศัพท์ที่ต้องรู้ก่อนจะเริ่มคำนวณผ่อนรถ

ก่อนจะไปลงมือคำนวณ ลองมาทำความรู้จักกับคำศัพท์สำคัญที่เกี่ยวข้องกันก่อน จะได้ไม่งงตอนเจอในเอกสารไฟแนนซ์

  1. จัดไฟแนนซ์
    ถ้าเงินสดไม่พร้อม การจัดไฟแนนซ์ คือทางออก ธนาคารจะช่วยจ่ายค่ารถให้ก่อน แล้วเราค่อยผ่อนกับธนาคารทีหลัง เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีเงินก้อนใหญ่แต่ก็อยากมีรถขับ
  2. ยอดจัด
    คือจำนวนเงินที่ธนาคารจะให้กู้หลังจากหักเงินดาวน์แล้ว ตัวเลขนี้แหละที่จะถูกนำไปใช้คำนวณดอกเบี้ยในการผ่อน
  3. เงินดาวน์
    เงินก้อนแรกที่ต้องจ่ายตอนออกรถ ยิ่งวางเงินดาวน์มาก ยอดจัดไฟแนนซ์ก็จะน้อยลง ดอกเบี้ยก็จะถูกลงด้วย
  4. ดอกเบี้ยคงที่
    ดอกเบี้ยแบบนี้จะคิดจากเงินต้นก้อนแรก และจะจ่ายเท่าเดิมทุกงวด ไม่ว่าจะผ่อนมาแล้วกี่เดือนก็ตาม
  5. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
    ดอกเบี้ยที่คิดตามเงินต้นที่เหลืออยู่ ยิ่งจ่ายเงินต้นเร็ว ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย

วิธีคำนวณผ่อนรถแบบง่ายแต่เป๊ะ

หลังจากรู้จักคำศัพท์กันแล้ว มาดูวิธีคำนวณผ่อนรถกันแบบละเอียดทีละขั้นตอน ไม่ต้องกลัวงง เพราะเราจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน

  1. คำนวณยอดจัดไฟแนนซ์
    สูตร: ราคารถ – เงินดาวน์
    ตัวอย่าง: ถ้าราคารถ 1,000,000 บาท และดาวน์ 400,000 บาท
    ยอดจัดไฟแนนซ์ = 1,000,000 – 400,000 = 600,000 บาท
  2. คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายปี
    สูตร: ยอดจัด x อัตราดอกเบี้ย
    ตัวอย่าง: ถ้าอัตราดอกเบี้ย 5%
    ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายปี = 600,000 x 5% = 30,000 บาท/ปี
  3. คำนวณดอกเบี้ยทั้งหมดตลอดอายุสัญญา
    สูตร: ดอกเบี้ยรายปี x จำนวนปีที่ผ่อน
    ตัวอย่าง: ถ้าผ่อน 4 ปี
    ดอกเบี้ยทั้งหมด = 30,000 x 4 = 120,000 บาท
  4. คำนวณยอดทั้งหมดที่ต้องจ่าย
    สูตร: ยอดจัดไฟแนนซ์ + ดอกเบี้ยทั้งหมด
    ตัวอย่าง: 600,000 + 120,000 = 720,000 บาท
  5. คำนวณค่างวดรายเดือน
    สูตร: ยอดทั้งหมด ÷ จำนวนเดือนที่ผ่อน
    ตัวอย่าง: ถ้าผ่อน 48 เดือน
    ค่างวดรายเดือน = 720,000 ÷ 48 = 15,000 บาท/เดือน

ตัวอย่างการคำนวณผ่อนรถแบบเจาะลึก

เพื่อให้เข้าใจวิธีการคำนวณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างการคำนวณผ่อนรถแบบละเอียดทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่คำนวณยอดจัดไฟแนนซ์ไปจนถึงคำนวณค่างวดรายเดือน พร้อมวิเคราะห์ว่าการวางเงินดาวน์และระยะเวลาผ่อนมีผลต่อค่างวดอย่างไรบ้าง

ตัวอย่างที่ 1 ถอยรถใหม่แบบดาวน์เยอะ ผ่อนสั้น จ่ายดอกเบี้ยน้อย

  • ราคารถ: 1,000,000 บาท
  • เงินดาวน์: 40% หรือ 400,000 บาท
  • ยอดจัดไฟแนนซ์: 1,000,000 – 400,000 = 600,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย: 5% ต่อปี (ดอกเบี้ยคงที่)
  • ระยะเวลาผ่อน: 48 งวด (4 ปี)

ขั้นตอนการคำนวณ

  1. คำนวณดอกเบี้ยรายปี
    600,000 x 5% = 30,000 บาท/ปี
  2. คำนวณดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา
    30,000 x 4 = 120,000 บาท
  3. คำนวณยอดทั้งหมดที่ต้องจ่าย
    600,000 (ยอดจัดไฟแนนซ์) + 120,000 (ดอกเบี้ย) = 720,000 บาท
  4. คำนวณค่างวดรายเดือน
    720,000 ÷ 48 เดือน = 15,000 บาท/เดือน

การดาวน์ 40% ทำให้ยอดจัดไฟแนนซ์น้อยลง ส่งผลให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตลอดสัญญาน้อยลงด้วย แม้ค่างวดจะสูงกว่าในกรณีผ่อนยาว แต่ระยะเวลาในการผ่อนสั้นกว่า ทำให้ปลอดหนี้เร็วขึ้นและจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงในระยะยาว

ตัวอย่างที่ 2 ดาวน์น้อย ผ่อนนาน จ่ายค่างวดเบา แต่ดอกเบี้ยเพิ่ม

  • ราคารถ: 1,000,000 บาท
  • เงินดาวน์: 30% หรือ 300,000 บาท
  • ยอดจัดไฟแนนซ์: 1,000,000 – 300,000 = 700,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้ย: 5% ต่อปี (ดอกเบี้ยคงที่)
  • ระยะเวลาผ่อน: 60 งวด (5 ปี)

ขั้นตอนการคำนวณ

  1. คำนวณดอกเบี้ยรายปี
    700,000 x 5% = 35,000 บาท/ปี
  2. คำนวณดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา
    35,000 x 5 = 175,000 บาท
  3. คำนวณยอดทั้งหมดที่ต้องจ่าย
    700,000 (ยอดจัดไฟแนนซ์) + 175,000 (ดอกเบี้ย) = 875,000 บาท
  4. คำนวณค่างวดรายเดือน
    875,000 ÷ 60 เดือน = 14,583.33 บาท/เดือน

แม้ว่าค่างวดรายเดือนจะถูกกว่าตัวอย่างที่ 1 ประมาณ 400 บาทต่อเดือน แต่ต้องผ่อนนานขึ้น 1 ปี ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยรวมเพิ่มขึ้นถึง 55,000 บาทเมื่อเทียบกับตัวอย่างที่ 1 การเลือกผ่อนนานจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากจ่ายรายเดือนน้อย แต่ต้องยอมรับว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น

เปรียบเทียบสองตัวอย่าง

  • ตัวอย่างที่ 1: จ่ายค่างวด 15,000 บาท/เดือน รวม 720,000 บาท
  • ตัวอย่างที่ 2: จ่ายค่างวด 14,583.33 บาท/เดือน รวม 875,000 บาท

ข้อสังเกตสำคัญ

  • แม้ว่าตัวอย่างที่ 2 จะผ่อนนานและค่างวดรายเดือนถูกกว่า แต่ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมสูงกว่ามากถึง 155,000 บาท
  • ถ้ามีเงินก้อนสำหรับดาวน์เยอะ การเลือกผ่อนสั้นจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้เยอะ
  • แต่ถ้ารายได้ต่อเดือนยังไม่สูง การผ่อนนานจะช่วยให้บริหารค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ง่ายขึ้น แม้จะต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยมากกว่า

แนะนำเพิ่มเติม

  • ก่อนตัดสินใจผ่อนรถ ควรพิจารณากำลังรายได้ของตัวเองว่าพร้อมจ่ายค่างวดในแต่ละเดือนแค่ไหน
  • หากสามารถวางเงินดาวน์ได้เยอะ ควรทำ เพราะจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว
  • หากผ่อนนาน ควรเตรียมแผนสำรองทางการเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าประกันภัย ฯลฯ เพราะระหว่างการผ่อน รถก็มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาเสมอ

คำนวณผ่อนรถมือสองแบบละเอียด

สำหรับใครที่เล็งรถมือสอง วิธีคำนวณผ่อนรถก็จะมีความแตกต่างเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่อง VAT ที่ต้องคำนวณเพิ่มเข้ามาด้วย

  1. คำนวณยอดจัดไฟแนนซ์
    สูตร: ราคารถ – เงินดาวน์
    ตัวอย่าง: ราคารถมือสอง 599,000 บาท ดาวน์ 9,000 บาท
    ยอดจัด = 599,000 – 9,000 = 590,000 บาท
  2. คำนวณดอกเบี้ยต่อปี
    สูตร: ยอดจัด x อัตราดอกเบี้ย
    ตัวอย่าง: ถ้าอัตราดอกเบี้ย 4%
    ดอกเบี้ยต่อปี = 590,000 x 4% = 23,600 บาท
  3. คำนวณดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา
    สูตร: ดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีที่ผ่อน
    ตัวอย่าง: ถ้าผ่อน 5 ปี
    ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา = 23,600 x 5 = 118,000 บาท
  4. คำนวณยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย
    สูตร: ยอดจัด + ดอกเบี้ยทั้งหมด
    ตัวอย่าง: 590,000 + 118,000 = 708,000 บาท
  5. คำนวณ VAT (7%)
    สูตร: ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย x 7%
    ตัวอย่าง: 708,000 x 7% = 49,560 บาท
  6. คำนวณยอดรวมหลัง VAT
    สูตร: ยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย + VAT
    ตัวอย่าง: 708,000 + 49,560 = 757,560 บาท
  7. คำนวณค่างวดรายเดือน
    สูตร: ยอดรวมหลัง VAT ÷ จำนวนเดือนที่ผ่อน
    ตัวอย่าง: ถ้าผ่อน 60 เดือน
    ค่างวดรายเดือน = 757,560 ÷ 60 = 12,626 บาท/เดือน

วางแผนการเงินให้ชัวร์ก่อนถอยรถ

  • จ่ายค่างวดให้ตรงเวลา
    อย่าปล่อยให้ล่าช้า เพราะจะโดนค่าปรับเพิ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ควรแยกเงินส่วนนี้ไว้ตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อความชัวร์
  • ไม่ต้องรีบโปะหนี้รถ
    เนื่องจากดอกเบี้ยคงที่ ไม่ว่าจะรีบจ่ายเร็วแค่ไหนก็ตัดดอกเบี้ยไม่ได้นะ รอให้ครบกำหนดแล้วค่อยโปะก็ไม่สาย
  • อย่าเพิ่งสร้างหนี้ใหม่
    ถ้ายังมีหนี้ผ่อนรถอยู่ อย่าเพิ่งรีบไปก่อหนี้เพิ่ม รอให้จัดการหนี้เดิมให้เรียบร้อยก่อน

ค่าใช้จ่ายแฝงที่ต้องเตรียมใจ

การมีรถไม่ใช่แค่ผ่อนค่างวดแล้วจบ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องคิดด้วย เช่น:

  • ค่าน้ำมัน/แก๊ส
  • ค่าประกันภัยรถยนต์
  • ค่าพรบ.
  • ค่าซ่อมบำรุงและอะไหล่
  • ค่าจอดรถและค่าทางด่วน

เตรียมงบสำหรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้พร้อม จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทีหลัง!

สรุป

หลังจากคำนวณค่างวดรถอย่างละเอียดแล้ว อย่าลืมวางแผนสำหรับค่าใช้จ่ายที่ตามมา อย่าง ประกันรถชั้น 1 ที่จำเป็นต่อความปลอดภัยทั้งของคุณและรถ insurverse ช่วยให้คุณเลือกความคุ้มครองได้เองตามต้องการ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง เห็นราคาเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น แถมยังมีระบบเคลมออนไลน์ที่สะดวกสุด ๆ ไม่ต้องกลัวใบเคลมหาย เพราะมีใบเคลมอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งให้คุณทันทีผ่าน SMS หรืออีเมล บริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างลงตัว พร้อมขับขี่แบบอุ่นใจทุกเส้นทาง

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคำนวณผ่อนรถ

ควรเลือกผ่อนรถระยะสั้นหรือระยะยาว แบบไหนคุ้มกว่ากัน?

การผ่อนรถระยะสั้นจะช่วยให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง เพราะจำนวนปีที่ผ่อนน้อยกว่า แต่ค่างวดรายเดือนจะสูงขึ้น ส่วนการผ่อนระยะยาวจะช่วยลดภาระค่างวดรายเดือน แต่ดอกเบี้ยรวมที่จ่ายจะสูงขึ้นในระยะยาว ควรเลือกตามกำลังรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเอง

การรีไฟแนนซ์รถช่วยลดค่างวดได้จริงไหม?

การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยลดค่างวดรายเดือนได้ ถ้าดอกเบี้ยใหม่ถูกกว่าดอกเบี้ยเดิม หรือขยายระยะเวลาผ่อนออกไป แต่ต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นด้วย

ดาวน์รถกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะได้ดอกเบี้ยต่ำ?

โดยทั่วไป การวางเงินดาวน์สูงกว่า 20-30% ของราคารถจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพราะแสดงถึงความเสี่ยงที่น้อยลงสำหรับสถาบันการเงิน บางครั้งธนาคารอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่วางเงินดาวน์สูง

มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียมพร้อมหลังจากออกรถ?

นอกจากค่างวดผ่อนรถแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมา เช่น ค่าพรบ., ค่าภาษีรถยนต์รายปี, ค่าบำรุงรักษา, ค่าน้ำมัน หรือค่าแก๊ส รวมถึงค่าจอดรถและค่าทางด่วนด้วย

รถมือสองกับรถใหม่ แบบไหนผ่อนคุ้มกว่ากัน?

รถมือสองอาจมีราคาถูกกว่าและค่างวดน้อยกว่า แต่ดอกเบี้ยสำหรับรถมือสองมักจะสูงกว่ารถใหม่ และอาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากกว่าในระยะยาว ขณะที่รถใหม่มักมีข้อเสนอเรื่องดอกเบี้ยต่ำหรือโปรโมชันพิเศษจากดีลเลอร์

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย