vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
สายการบิน Full Service ต่างจาก Low Cost ยังไง? เลือกแบบไหนดี

ผู้โดยสารขาเข้า ผู้โดยสารขาออก คืออะไร? เจาะลึกทุกมุมที่หลายคนไม่เคยรู้

schedule
share

ใครที่เดินทางบ่อย ๆ คงเห็นป้าย “ผู้โดยสารขาเข้า” และ “ผู้โดยสารขาออก” ในสนามบินจนชินตา แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมต้องแบ่งแบบนี้? จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่การบอกว่าใครกำลังมาหรือไป แต่ยังมีรายละเอียดอีกเพียบที่หลายคนไม่เคยรู้ ตั้งแต่กระบวนการตรวจสอบ ความแตกต่างของขั้นตอน ไปจนถึงข้อควรระวังที่อาจทำให้การเดินทางของคุณติดขัดโดยไม่รู้ตัว

ถ้าไม่ศึกษาก่อน อาจทำให้เสียเวลา หรือแย่กว่านั้น คือต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องนี้สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ง่าย ๆ แค่มี ประกันเดินทาง ติดตัวไว้ เพราะไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์ไหนระหว่างเดินทาง ก็มีตัวช่วยรองรับตลอด 24 ชั่วโมง insurverse พร้อมให้ความคุ้มครองแบบครบเครื่อง จ่ายเบี้ยแค่ที่จำเป็น ไม่ต้องเสียเงินเกินจริง

ผู้โดยสารขาเข้า คือใคร? แล้วต้องเจอขั้นตอนอะไรบ้าง?

ผู้โดยสารขาเข้า ก็คือคนที่เดินทางมาถึงปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นจากต่างประเทศหรือเที่ยวบินภายในประเทศ ถ้าเครื่องลงแล้วต้องเดินผ่านโซน Arrival นั่นแหละคุณคือผู้โดยสารขาเข้า และต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ก่อนจะออกจากสนามบินได้

  • ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ ขั้นตอนนี้เป็นด่านแรกที่ต้องเจอ เจ้าหน้าที่จะตรวจพาสปอร์ต วีซ่า และอาจถามคำถาม เช่น “มาทำอะไร?” “พักที่ไหน?” ถ้าตอบไม่ชัดเจนหรือดูน่าสงสัย อาจโดนซักถามเพิ่ม
  • ด่านศุลกากร บางประเทศเข้มงวดสุด ๆ กับของนำเข้า อาหารบางชนิด หรือน้ำหอมที่ซื้อจากดิวตี้ฟรี อาจต้องสำแดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าพกเงินสดเกินจำนวนที่กำหนด ต้องแจ้ง มิฉะนั้นอาจโดนยึด
  • รับกระเป๋าเดินทาง เดินไปที่สายพานกระเป๋า เช็กให้แน่ใจว่าเป็นกระเป๋าของตัวเอง เคยมีหลายเคสที่คนหยิบผิดไปเปิดที่โรงแรมแล้วรู้ตัวว่าซวย
  • ผ่านประตูออกสู่โซน Arrivals ตรงนี้บางสนามบินอาจมีการตรวจอีกรอบ โดยเฉพาะประเทศที่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัย ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินออกไปหาคนมารับหรือหาทางเข้าเมืองต่อได้เลย

ผู้โดยสารขาออก ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?

ฝั่งตรงข้ามของขาเข้า ก็คือขาออก คนที่กำลังจะเดินทางออกจากประเทศหรือขึ้นเครื่องไปจุดหมายปลายทางอื่น สิ่งที่ต้องทำมีหลายขั้นตอนเหมือนกัน แถมบางสนามบินกฎเข้มงวดสุด ๆ ถ้าพลาดไป อาจตกเครื่องได้ง่าย ๆ

  • เช็กอินและโหลดกระเป๋า ต้องไปถึงสนามบินก่อนเวลา เช็กอินให้ทัน และถ้ามีกระเป๋าโหลด อย่าลืมดูน้ำหนัก ถ้าเกินต้องเสียค่าสัมภาระเพิ่ม แถมบางสายการบินคิดราคาหนักสุด ๆ
  • ด่านตรวจคนออกเมือง สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ต้องผ่านการตรวจพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่อาจถามว่ากลับเมื่อไหร่ ไปทำอะไร ถ้าเคยมีประวัติพำนักเกินกำหนดในประเทศปลายทาง อาจโดนกักตัวซักถามเพิ่ม
  • การตรวจสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง ของเหลวห้ามเกิน 100 มล. มีด ของมีคม หรือแบตเตอรี่ลิเธียม ต้องทำตามกฎเป๊ะ ๆ ไม่งั้นโดนโยนทิ้งแน่
  • รอขึ้นเครื่องที่ Gate ดูให้ดีว่า Gate เปลี่ยนไหม บางครั้งสนามบินใหญ่ ๆ ชอบเปลี่ยนประตูขึ้นเครื่องในนาทีสุดท้าย ต้องคอยเช็กประกาศอยู่ตลอด

ข้อควรรู้เกี่ยวกับผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

  • Fast Track มีไว้ช่วยคนที่ต้องการความเร็ว นักธุรกิจ ผู้สูงอายุ หรือผู้โดยสารชั้นพรีเมียมมักได้สิทธิ์นี้ ช่วยลดเวลารอคิวด่านตรวจคนเข้าเมือง
  • บางสนามบินมี e-Gates ใช้พาสปอร์ตสแกนผ่านด่านได้เลย ไม่ต้องเจอเจ้าหน้าที่ ประหยัดเวลาไปเยอะ
  • ประเทศที่มีกฎศุลกากรโหดสุด ๆ เช่น ออสเตรเลีย ห้ามนำเข้าอาหารสดเด็ดขาด แม้แต่แซนด์วิชที่ถือออกจากเครื่องก็อาจโดนปรับ
  • บางสนามบินแยกโซนขาเข้า-ขาออกชัดเจนมาก เช่น สิงคโปร์ (Changi Airport) หรือญี่ปุ่น (Narita Airport) ถ้าเป็นผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง ต้องมีเอกสารครบ ไม่งั้นเข้าเมืองไม่ได้!
  • เที่ยวบินไป-กลับไม่เหมือนกันเสมอไป บางประเทศให้เข้าประเทศได้ง่าย แต่ตอนออกต้องมีเอกสารเพิ่ม เช่น หลักฐานว่ามีเงินพอใช้ หรือเอกสารจากนายจ้าง

สรุปความต่างของผู้โดยสารขาเข้าและขาออกแบบง่าย ๆ

  • ผู้โดยสารขาเข้า = คนที่เดินทางมาถึงปลายทาง ต้องผ่าน ตม. ศุลกากร และรับกระเป๋า
  • ผู้โดยสารขาออก = คนที่กำลังเดินทางออกไป ต้องผ่านเช็กอิน ตรวจคนออกเมือง และตรวจสัมภาระ
  • สนามบินแต่ละที่กฎไม่เหมือนกัน เช็กให้ดีว่าประเทศปลายทางต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
  • มีช่องพิเศษ เช่น Fast Track และ e-Gates ช่วยให้เดินทางง่ายขึ้น แต่ใช้ได้เฉพาะบางคน

เดินทางแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ซื้อตั๋วแล้วขึ้นเครื่อง ต้องรู้ขั้นตอนพวกนี้ไว้ จะได้ไม่เสียเวลา ไม่ตกเครื่อง และไม่ต้องเจอปัญหาจุกจิกให้ปวดหัว

เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่น ไม่มีเรื่องจุกจิกมากวนใจ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง กับ insurverse ที่ให้คุณเลือกความคุ้มครองตามงบได้เอง เดินทางเมื่อไหร่ก็อุ่นใจ ไฟลท์ดีเลย์ กระเป๋าเสีย หรือค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวล เพราะมีประกันดูแลให้ทุกอย่าง

5 คำถามที่พบบ่อย

ผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก ต้องไปที่ไหนในสนามบิน?

สนามบินมักจะแบ่งโซนขาเข้า (Arrivals) และขาออก (Departures) ชัดเจน ถ้าคุณเป็น ผู้โดยสารขาเข้า ต้องเดินตามป้าย Arrivals เพื่อไปด่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า ส่วน ผู้โดยสารขาออก ให้ไปที่ Departures เพื่อตรวจสัมภาระ เช็กอิน และเตรียมตัวขึ้นเครื่อง

มีเที่ยวบินต่อ (Transit) แต่ไม่ได้เข้าประเทศ ต้องผ่านกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าไหม?

ขึ้นอยู่กับกฎของสนามบิน ถ้าต่อเครื่องภายในโซนเดียวกันและไม่ออกไปยังเขตตรวจคนเข้าเมือง คุณไม่ต้องผ่านกระบวนการขาเข้า แต่ถ้าต้องเปลี่ยนสายการบินหรือเทอร์มินอล อาจต้องผ่าน ตม. และเข้าสู่กระบวนการขาเข้า-ขาออกใหม่

ถ้าตกเครื่อง หรือเปลี่ยนแผนกะทันหัน ต้องทำยังไง?

ถ้าเป็น ผู้โดยสารขาออก และพลาดเที่ยวบิน ต้องติดต่อเคาน์เตอร์สายการบินเพื่อเปลี่ยนตั๋วหรือขอคืนเงินตามเงื่อนไข ส่วน ผู้โดยสารขาเข้า ถ้าเดินทางเข้าเมืองแล้วต้องเปลี่ยนแผน อาจต้องแจ้ง ตม. หรือปรับเอกสารให้ตรงกับการพำนักใหม่

สนามบินไหนที่ผู้โดยสารขาออกต้องระวังเรื่องเวลาด่านตรวจเข้มงวดที่สุด?

สนามบินที่ตรวจเข้มและใช้เวลานาน เช่น ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR), นาริตะ (NRT), ดูไบ (DXB), และ JFK ในนิวยอร์ก ต้องเผื่อเวลาเยอะ เพราะมีด่านตรวจสัมภาระหลายขั้นตอน แถมบางที่คิวยาวเป็นชั่วโมง

สามารถรับ-ส่งของจากผู้โดยสารขาออกให้ผู้โดยสารขาเข้าได้ไหม?

ส่วนใหญ่สนามบินไม่อนุญาตให้รับ-ส่งของข้ามโซนระหว่างขาเข้าและขาออก ถ้าต้องการฝากของให้ผู้โดยสารขาเข้า อาจต้องฝากไว้ที่บริการฝากของสนามบิน หรือใช้วิธีส่งไปรษณีย์แทน

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)