นักขับอย่างเราๆ ถ้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาคงปวดหัวอย่างแรง! ยิ่งใครไม่มีประกันติดรถเอาไว้คงต้องควักเงินจ่ายเอง จะไปขอเคลมประกันภัยก็ไม่ได้! แล้วการทำประกันเพื่อช่วยทำให้เหตุการณ์หนักๆ กลายเป็นเบาได้ต้องรู้อะไรบ้าง? ตาม insurverse ไปหาคำตอบกันเลย ทำประกันแล้วต้องแจ้งเคลม แต่เคลมสดหรือเคลมแห้ง คืออะไร? รถชนไม่มีคู่กรณีเคลมแบบไหนดี? จะได้มีความรู้ก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์!
งงกันป่ะ? ว่าการเคลมประกันภัยมีอะไรบ้าง? การเคลมแห้ง (Dry claim) และการเคลมสด (Fresh claim) 2 ประเภทนี้แตกต่างกันยังไง? ใช้งานต่างกันแบบไหน? ไปดู!
ตามมาไขข้อสงสัยแบบรู้ชัด!! การเคลมสด คืออะไร? ตามชื่อเลย ก็คือการเคลมแบบสดๆ ร้อนๆ แจ้งบริษัทประกันตอนนี้! เดี๋ยวนี้! ตอนที่คู่กรณียังอยู่ในเหตุการณ์หรือจุดเกิดเหตุด้วยกัน ผู้ทำประกันสามารถแจ้งเคลมสดกับเจ้าหน้าที่หลังเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เลยทันที
ทางเจ้าหน้าที่ประกันภัยจะรีบเดินทางมาที่ยังจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นและออกใบเคลมประกันให้ จากนั้นจะนำรถไปเข้าซ่อมตอนไหนก็ได้ ใบเคลมสดจะมีอายุ 1 ปีเต็มๆ สามารถเลือกซ่อมกับอู่ในเครือหรือศูนย์ใกล้บ้านตามรายละเอียดในกรมธรรม์ได้เลย
เคลมแห้ง คืออะไร? หลายคนอาจเคยได้ยินผ่านหูแต่ไม่เข้าใจว่าเคลมยังไง? ก็คือ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแบบรถชนไม่มีคู่กรณีหรือเผลอขับรถไปชนอะไรที่ไม่ใช่รถยนต์ แล้วรถยนต์เสียหายจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า, เผลอถอยรถชนกำแพงหรือรถครูดกับขอบถนน จนเกิดรอยแผล เป็นต้น
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะต้องทำเรื่องเคลมแห้ง ซึ่งเจ้าของรถจำเป็นต้องถ่ายรูปหรือวิดีโอเพื่อเก็บหลักฐานเอาไว้ ถ้าทำประกันกับที่ไหนที่แจ้งเคลมออนไลน์ได้ ก็แจ้งข้อมูลการเคลมผ่านออนไลน์ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ณ ที่จุดเกิดเหตุแต่อย่างใด
อย่าง insurverse ที่สามารถแจ้งเคลมผ่านออนไลน์ได้เลย สะดวกตอนไหนก่อนกรมธรรม์หมดอายุ ก็แจ้งเคลมแห้งได้เลย เมื่อทำเรื่องเคลมประกันภัยเรียบร้อยก็จะได้ใบเคลมมาสำหรับนำรถไปซ่อมที่อู่ในเครือหรือศูนย์ใกล้บ้านได้เลย แค่นี้ก็ไม่ต้องออกค่าซ่อมรถเอง! ให้ประกันจ่ายแทนได้เลย!
เกิดคำถามโต้เถียงกันของสาวกประกันรถยนต์ ว่าเคลมประกันภัยแห้งหรือเคลมสดแบบไหนเร็ว? แบบไหนทันใจวัยรุ่นกว่ากัน? ต้องแนะนำเลยว่า หากเกิดอุบัติเหตุหนักๆ ขับเคลื่อนรถต่อไม่ได้ จำเป็นต้องแจ้งเคลมทันทีหรือทำเรื่องเคลมสดได้เลย แบบนี้เร็วกว่า ได้รับความคุ้มครองทันที!
ส่วนอุบัติเหตุแบบเล็กๆ น้อยๆ ตามหาคู่กรณีไม่ได้หรือรถชนไม่มีคู่กรณีที่ทำให้เกิดรอยแผลตามรถ แต่รถยังสามารถขับเคลื่อนต่อได้ เช่น สีรถถลอกจากเศษหินหรือถอยไปชนต้นไม้เกิดรอยข่วน แบบนี้ให้ทำเรื่องเคลมแห้งได้เลย ไม่จำเป็นต้องแจ้งเคลมทันที เพราะสามารถสะสมรอยแผลบนรถรอบคันแล้วค่อยแจ้งเคลมแห้งในภายหลังได้
ดังนั้นเคลมสดหรือเคลมแห้งแบบไหนเร็ว? คำตอบก็คือ เคลมประกันภัยสดไวกว่า แต่ต้องศึกษารายละเอียดกรมธรรม์ประกันชั้นต่างๆ ที่ต้องการทำให้ดีว่าประกันชั้นนี้เคลมแบบใดได้บ้าง? เช่น บางคนทำประกันชั้น 3 ไม่สามารถเคลมแห้งได้ เพราะประกันคุ้มครองรถคันอื่นที่มาชนเรา แต่ไม่ได้ให้คุ้มครองเรื่องซ่อมรถเรา ส่วนใครที่ทำประกันชั้น 1 เอาไว้สามารถเคลมประกันชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีได้ สามารถแจ้งเคลมแห้งได้เลย
หลายคนสงสัยอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี ยื่นเคลมประกันได้ไหม? คำตอบก็คือ เคลมประกันภัยได้ทั้งนั้น ถ้าประกันให้ความคุ้มครอง
แต่ประกันภัยชั้น 1 สามารถเลือกทำได้ทั้งเคลมสดและเคลมแห้ง ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วแจ้งเคลมเลยได้ทันที ณ จุดเกิดเหตุ แบบนี้เรียกว่าการเคลมสด จะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็แจ้งเคลมได้เลย!
ส่วนการเคลมประกันชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีแต่ปล่อยระยะเวลาให้ผ่านไปประมาณ 2-3 วันหรือมากกว่านั้นแล้วค่อยแจ้งเคลมแบบนี้จะเรียกกันว่าการเคลมแห้ง!
ใครถือประกันชั้น 1 ติดรถไว้ไม่เสียสิทธิ์อย่างแน่นอน เคลมประกันภัยกันได้ทั้งเคลมสดและเคลมแห้ง! แม้เคลมประกันชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีก็เคลมได้! จะเลือกเคลมช่วงเวลาไหนก็ได้! แม้เวลาล่วงเลยจะแจ้งเคลมหลังเกิดอุบัติเหตุไปหลายวันแล้วก็ทำได้ แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะเป็นการเคลมสดหรือการเคลมแห้ง หากผู้ถือประกันเป็นฝ่ายผิด ก็อาจจะมีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ปีถัด ดังนั้นขับรถอย่างมีสติและระมัดระวังตัวเองเพิ่มขึ้น พร้อมกับการทำประกันติดรถเอาไว้ เผื่อฉุกเฉินจริงๆ เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา จะได้มีคนจ่ายค่าเสียหายแทน เข้าถึงความคุ้มครองสุดคุ้มค่าแบบไม่ช็อตฟีลเพียงเลือกประกันภัยรถยนต์ที่ insurverse รับรองให้ความคุ้มครองดี คุ้มค่าคุ้มราคาเด้อ!! แค่สมัครผ่านออนไลน์ความคุ้มครองก็เริ่มทันที! เลือกปรับแต่งกรมธรรม์ได้เอง! ตอบโจทย์ Money แน่นอน!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง