vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
อัปเดต กฎจราจรล่าสุดที่คนใช้รถต้องรู้ ถ้าไม่อยากโดนปรับ

กฎจราจรเบื้องต้นที่คนใช้รถต้องรู้และปฏิบัติ

schedule
share

การปฏิบัติตามกฎจราจรเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนที่ขับขี่รถหรือเข้าถนนควรทราบ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน เพราะการขับขี่บนท้องถนนไม่เพียงแต่ต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้และการปฏิบัติตามกฎจราจรเบื้องต้นอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นๆ โดยบทความนี้  insurverse จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกฎจราจรเบื้องต้นที่คนใช้รถต้องรู้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถนนอย่างปลอดภัยและเป็นผู้ขับขี่ที่ดีได้

กฎจราจรเบื้องต้นมีอะไรบ้าง

กฎจราจรเบื้องต้นมีหลายกฎที่ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความปลอดภัยขณะขับขี่ และนี่คือกฎการขับขี่ รถยนต์บางกฎ พร้อมกับลักษณะลงโทษหากฝ่าฝืนที่ insurverse ได้นำมาฝาก

1. เมาไม่ขับ

การขับขี่รถในสภาพมึนเมาถือเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจรที่ร้ายแรงและผิดกฎหมาย เพราะจะส่งผลต่อการตัดสินใจและปฏิกิริยาในการขับขี่ ซึ่งบทลงโทษสำหรับการเมาแล้วขับมีดังนี้

  • การจับกุมและการทดสอบระดับแอลกอฮอล์ในเลือด : เมื่อถูกจับกุม ตำรวจมีสิทธิ์ทำการทดสอบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดหรือลมหายใจของผู้ขับขี่
  • บทลงโทษ : หากพบว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (50 มิลลิกรัม% หรือ 0.05 กรัม/100 มิลลิลิตร) ผู้ขับขี่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งบทลงโทษทั่วไปประกอบด้วยค่าปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท และ/หรือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือในกรณีที่เมาแล้วขับทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือมีผู้ได้รับอันตราย บทลงโทษอาจรุนแรงขึ้น รวมถึงการถูกยึดใบขับขี่
  • ผลกระทบระยะยาว : นอกจากบทลงโทษทางกฎหมายแล้ว การเมาแล้วขับยังสามารถส่งผลกระทบต่อประวัติการขับขี่ และอาจทำให้เกิดปัญหาในการทำประกันรถยนต์ในอนาคตอีกด้วย

2. คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง

การคาดเข็มขัดนิรภัยเป็นกฎข้อหนึ่งที่สำคัญในกฎการขับขี่รถยนต์ที่ควรปฏิบัติตามเสมอเมื่อขับขี่หรือโดยสารในรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งบทลงโทษสำหรับการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีดังนี้

  • การจับกุม : ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะหยุดรถ และทำการตรวจสอบหากพบว่าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
  • บทลงโทษ : ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎการคาดเข็มขัดนิรภัยอาจถูกเรียกเก็บค่าปรับ ต้องระวางโทษปรับคนขับ 500 บาท และผู้โดยสารอีก 500 บาท
  • ผลกระทบระยะยาว : แม้ว่าการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจะไม่ส่งผลกระทบต่อประวัติการขับขี่ หรือประวัติการทำประกันรถยนต์ของบุคคลนั้นๆ อย่างเป็นรูปธรรม แต่มันเป็นการละเมิดกฎหมายที่สามารถนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงหากเกิดอุบัติเหตุได้

3. ห้ามจอดรถทับทางม้าลาย

ทางม้าลายถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเขตปลอดภัยให้กับคนเดินเท้าในการข้ามถนน มีกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ผู้ขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์จอดรถขวางหรือใกล้ทางม้าลาย ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุชัดเจนว่าการจอดรถบริเวณทางข้ามหรือในระยะไม่เกิน 3 เมตรจากทางข้ามถือเป็นการกระทำผิด (ตามมาตรา 57) หากฝ่าฝืนกฎจราจร ผู้ที่ทำผิดจะถูกปรับเป็นเงิน 500 บาท เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยบนถนน

4. หยุดทางม้าลายให้คนข้าม

การหยุดให้ทางม้าลายให้คนเดินเท้าข้ามถนนเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อความปลอดภัย หากมีการฝ่าฝืนกฎจราจรจะมีบทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่กำหนดให้ผู้ขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์ต้องหยุดให้ทางให้คนเดินเท้าข้าม โดยถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเงิน 500 บาท ตามมาตรา 57 ข้อ.2 

และถ้ามีการทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคนเดินเท้าหรือผู้ใด จะมีโทษปรับเพิ่มอีกครั้ง ตามมาตรา 57 ข้อ.5 ของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522. การปฏิบัติตามกฎหมายนี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยบนถนนและให้เคารพสิทธิ์ของคนเดินเท้า

5. พกใบขับขี่และสำเนาภาพคู่มือจดทะเบียนรถ

การพกใบขับขี่และสำเนาภาพคู่มือจดทะเบียนรถ เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎจราจรทางบก หากมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายทางจราจร บทลงโทษและมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 การฝ่าฝืนสิทธิ์ของผู้เดินเท้าหรือขับขี่หากไม่ได้ทำตามกฎหมาย ผู้ฝ่าฝืนอาจมีโทษปรับเงินและความจำเป็นในการปรับปรุงพฤติกรรมในการขับขี่

6. ใช้ไฟตัดหมอกเมื่อจำเป็น

การใช้ไฟตัดหมอกเมื่อจำเป็น เป็นกฎการขับขี่รถยนต์และรถอื่นๆ ที่ควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่มีหมอกหนาหรือฝนตกหนักที่ทำให้การมองเห็นลดลงอย่างมาก การใช้ไฟตัดหมอกจะช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณได้ดีขึ้น ซึ่งจะลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้

ซึ่งตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ที่ระบุว่า ไฟตัดหมอกสามารถใช้ได้เมื่อรถต้องเดินทางภายใต้สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น หมอก ควัน ฝุ่นละออง หรือฝนตกหนัก รวมถึงมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการเดินทาง 

อย่างไรก็ตามการเปิดใช้งานไฟตัดหมอกไม่สามารถที่จะเปิดอย่างพร่ำเพรื่อได้ นอกจากนี้หากเจ้าหน้าที่พบเห็นการใช้งานที่ไม่เพราะสาเหตุจราจรเหล่านี้ อาจถูกบังคับให้ปรับตั้งแต่ 500 ถึง 2,000 บาทตามการพิจารณาและความผิดของผู้ขับขี่

7. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว

การเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเป็นกฎจราจรเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่รถต้องปฏิบัติตาม โดยผู้ขับขี่ขณะที่จะทำการเลี้ยวรถหรือเปลี่ยนช่องทางจราจร ต้องทำการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวทุกครั้ง ตามข้อบังคับของกฎหมายทางจราจร ที่กำหนดให้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวก่อนที่จะทำการเลี้ยวอย่างน้อย 30 เมตร และให้รถคันที่ตามมาสามารถเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร เพื่อให้รถคันหลังที่ตามมาทราบถึงการเลี้ยว 

และหากมีการฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 42 ที่ระบุไว้ดังนี้

  • ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยว ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณเลี้ยวด้วยมือ กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติตามเพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบทางที่จะเลี้ยว
  • ในกรณีที่มีสัญญาณไฟเลี้ยว ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณนั้น ซึ่งประกอบด้วยสีแดง สีเหลือง และสีเขียว โดยทำตามที่ได้ระบุไว้
  • ในกรณีที่ฝ่าฝืนกฎเลี้ยว ผู้ขับขี่อาจถูกบังคับให้ปรับตั้งแต่ 500 ถึง 1,000 บาท โดยการพิจารณาตามลักษณะของความผิดและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

8. ใช้ความเร็วที่กฎหมายกำหนด

การใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดเป็นกฎจราจรเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่รถต้องปฏิบัติตาม และหากมีการฝ่าฝืนกฎนี้ จะมีบทลงโทษตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 42 ที่ระบุไว้ดังนี้

  • ในเขตท้องถนนในเมืองหรือเขตท้องถนนที่อนุญาตให้วิ่งรถด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ขับขี่ต้องประพฤติตนในการขับขี่ในความเร็วที่ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ในเขตท้องถนนนอกเมืองหรือท้องถนนที่อนุญาตให้วิ่งรถด้วยความเร็วไม่จำกัด ผู้ขับขี่ต้องประพฤติตนในการขับขี่ในความเร็วที่เหมาะสมและปลอดภัย
  • ในกรณีที่ฝ่าฝืนกฎความเร็ว ผู้ขับขี่อาจถูกบังคับให้ปรับตั้งแต่ 400 ถึง 1,000 บาท โดยการพิจารณาตามลักษณะของความผิดและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

9. ให้รถในวงเวียนไปก่อน

ในกฎจราจรเบื้องต้นที่คนใช้รถจำเป็นต้องรู้และปฏิบัติคือ “ให้รถในวงเวียนไปก่อน” หมายความว่า เมื่อคุณเข้าใกล้วงเวียนจราจร คุณจำเป็นต้องยอมให้รถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ภายในวงเวียนมีสิทธิไปก่อนคุณ เพื่อรักษาความปลอดภัยและการจราจรภายในวงเวียนนั้นๆ

หากมีการฝ่าฝืนกฎนี้ ผู้ที่ขับรถเข้าไปในวงเวียนโดยไม่ให้รถที่อยู่ในวงเวียนไปก่อนอาจถูกดำเนินการตามกฎหมาย ตามข้อบังคับที่กำหนดในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเฉพาะในมาตรา 70 และมาตรา 71

กฎหมายได้ระบุถึงพฤติกรรมของผู้ขับขี่เมื่อเข้าใกล้ทางร่วม, ทางแยก, ทางข้าม, เส้นที่กำหนดให้รถต้องหยุด หรือวงเวียนจราจร ในสถานการณ์เหล่านี้ ผู้ขับขี่จำเป็นต้องลดความเร็วของรถลง และหากพบว่ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมหรือทางแยกดังกล่าว ก็จำเป็นต้องให้รถเหล่านั้นมีสิทธิ์ผ่านไปก่อน การฝ่าฝืนกฎเกณฑ์นี้อาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมาย โดยผู้ที่ละเมิดกฎอาจต้องเผชิญกับโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

10. ไม่ขับรถแช่ขวา

การขับรถแช่ขวาเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจรที่คนใช้รถควรหลีกเลี่ยง เพราะมีผลต่อการจราจรโดยรวม ซึ่งช่องทางขวามักจะเป็นช่องทางสำหรับขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือการแซง ดังนั้นการขับรถแช่ในช่องทางขวาโดยไม่มีความจำเป็นอาจทำให้การจราจรติดขัดและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้

สำหรับบทลงโทษการขับรถแช่ขวาตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 การขับรถแช่ขวาอาจถูกพิจารณาเป็นการขับรถโดยไม่ปลอดภัยหรือขับรถโดยไม่ให้สิทธิ์กับรถคันอื่นในการใช้ถนนอย่างเท่าเทียม ซึ่งอาจมีโทษปรับหรือมาตรการทางกฎหมายอื่นๆ ตามระดับความรุนแรงของพฤติกรรมนั้นๆ โดยผู้ที่ขับแช่เลนขวาจะโดนปรับไม่เกิน 1,000 บาท

11. ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

การไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เป็นกฎจราจรที่สำคัญมากและควรปฏิบัติตามเสมอ เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ เพราะการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถสามารถทำให้ความสนใจและการมีสมาธิของผู้ขับขี่ลดลงอย่างมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และผู้ที่กระทำผิดอาจต้องเผชิญกับบทลงโทษ เช่น การถูกปรับ หรือแม้กระทั่งการถูกระงับหรือยึดใบขับขี่ ในประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่โดยไม่ใช้อุปกรณ์ Hands-free ถือเป็นการฝ่าฝืน และผู้ฝ่าฝืนอาจถูกปรับตามที่กฎหมายกำหนด

การตัดคะแนนใบขับขี่เมื่อทำผิดกฎจราจร

การตัดคะแนนใบขับขี่เมื่อทำผิดกฎจราจร เป็นกฎจราจรล่าสุด ที่จะมีการตัดคะแนนใบขับขี่ เป็นระบบที่ใช้ในหลายประเทศ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการขับขี่และลดการกระทำผิดกฎจราจร ซึ่งในประเทศไทยการตัดคะแนนใบขับขี่เป็นมาตรการหนึ่ง เพื่อควบคุมและลดการกระทำผิดกฎจราจรของผู้ขับขี่ โดยระบบตัดคะแนนในประเทศไทยมีลักษณะดังนี้

  • คะแนนเริ่มต้น : ผู้ขับขี่จะได้รับคะแนนเริ่มต้นเมื่อได้รับใบขับขี่ โดยทั่วไปคะแนนเริ่มต้นจะเป็น 12 คะแนน
  • การตัดคะแนน : เมื่อผู้ขับขี่กระทำผิดกฎหมายจราจร จะมีการตัดคะแนนจากใบขับขี่ ซึ่งการตัดคะแนนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกระทำผิด
  • ผลของการสูญเสียคะแนน : หากคะแนนในใบขับขี่หมด ผู้ขับขี่อาจถูกทำให้ใบขับขี่ของตนหมดอายุชั่วคราว และอาจต้องเข้ารับการฝึกอบรมหรือสอบใหม่เพื่อได้รับใบขับขี่คืน
  • การปรับปรุงคะแนน : ผู้ขับขี่สามารถปรับปรุงคะแนนในใบขับขี่ของตนได้ โดยอาจต้องผ่านการฝึกอบรมหรือรอช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่มีการกระทำผิดกฎจราจร
  • การตรวจสอบคะแนน : ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบคะแนนในใบขับขี่ของตนผ่านช่องทางที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริการ

สรุปบทความ กฎจราจรเบื้องต้นที่คนใช้รถต้องรู้และปฏิบัติ

การตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎการขับขี่รถยนต์และรถอื่นๆ เบื้องต้น และทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่ตามมาหากฝ่าฝืน ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องชีวิตของตนเองและผู้อื่น แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ดีในสังคม ดังนั้นการขับขี่อย่างมีความรับผิดชอบจึงเป็นหัวใจหลักของการเดินทางที่ปลอดภัยและราบรื่นบนท้องถนน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวว่าจะเกิดอุบัติกับคุณอย่างไม่คาดคิด การทำประกันรถยนต์สามารถช่วยให้คุณอุ่นใจได้ โดยสามารถทำประกันรถยนต์ออนไลน์ กับ insurverse  ได้ง่ายด้วยระบบออนไลน์ที่ดีไซน์มาให้คุณได้ใช้งานอย่างง่ายดายทั้ง การซื้อ เคลม และทุกอย่างที่เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ของคุณจะไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวอีกต่อไป  

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)