ในประเทศที่เป็นเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว อากาศในระหว่างวันส่วนใหญ่ก็มักจะร้อนอยู่เสมอ นั่นทำให้ผู้ใช้รถในไทยมักจะต้องประสบปัญหารถความร้อนขึ้นกันไม่น้อย ซึ่งปัญหานี้เกิดได้ทั้งรถใหม่ และรถเก่าหากดูแลไม่ถึง วันนี้ทาง insurverse เราเลยจะมาไขข้อสงสัย ว่าความร้อนรถขึ้นนั้นเกิดจากอะไร และมีวิธีแก้รถความร้อนขึ้นอย่างไรได้บ้าง
ผู้ใช้รถหลายคนอาจสงสัย ว่าเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าอุณหภูมิความร้อนของรถที่ใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติ และแบบไหนควรเฝ้าระวังเพื่อนำไปตรวจเช็กอาการ ต้องบอกว่าสังเกตได้ง่ายมาก ๆ เพราะรถทุกคันไม่ว่าจะเป็นจากค่ายไหน ก็มักจะมีระบบแจ้งเตือนขึ้นที่แผงหน้าปัดให้เจ้าของรถสังเกตได้อยู่แล้ว เพียงแต่จากแต่ต่างกันไปตามเทคโนโลยีของรถคันนั้น แต่โดยหลักจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
*รถยนต์แต่ละรุ่น มีระดับความร้อนตามเกณฑ์ปกติที่ไม่เหมือนกัน จึงควรเช็กคู่มือก่อนทำการตรวจเช็กเสมอ*
รถความร้อนขึ้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หม้อน้ำรั่วซึม ท่อน้ำชำรุดหรืออุดตัน ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท ปั๊มน้ำชำรุด สายพานปั๊มน้ำขาด วาล์วน้ำไม่ทำงาน หรือพัดลมหม้อน้ำเสีย ก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบระบายความร้อนขัดข้อง และทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทได้นั่นเอง เรามาเจาะลึกไปทีละอาการดีกว่า
หม้อน้ำรั่ว เป็นอาการยอดนิยมที่พบได้บ่อยในปัญหารถความร้อนขึ้น ซึ่งโดยมากมักจะเกิดจากการเสื่อมสภาพจากการใช้งาน หรืออาจจะโดนวัตถุไปกระแทกจนทำให้เกิดรอยรั่วขึ้นได้ ซึ่งส่งผลให้น้ำในหม้อน้ำลดต่ำลงจนช่วยระบายความร้อนได้น้อย และเกิดความร้อนรถขึ้นมานั่นเอง
ท่อน้ำก็เป็นอีกสาเหตุที่เกิดความร้อนรถขึ้นได้ หากมีรอยรั่ว หรืออุดตันจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้เกิดการเสื่อมสภาพไม่ต่างจะอะไหล่ชิ้นอื่น โดยเฉพาะรถยนต์ที่จอดกลางแจ้งทั้งวัน ไม่ได้พื้นที่จอดภายในบ้าน อุปกรณ์ภายในห้องเครื่องอาจทรุดโทรมได้เร็วกว่า
ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนพลาด หากฝาหม้อน้ำปิดไม่สนิท ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน น้ำหล่อเย็นอาจถูกดันออกมาได้ และอาจทำให้ระดับน้ำในหม้อพักที่คอยส่งไปหล่อเย็นลดลงตามไป ท้ายที่สุดก็อาจจะมีน้ำหล่อเย็นไม่เพียงพอ และทำให้ความร้อนเกิดขึ้น
ระบบหล่อเย็นจะทำงานไม่ได้เลย หากปั๊มน้ำเกิดการชำรุดขึ้นมา เพราะปั๊มน้ำจะทำหน้าที่ในการปั๊มน้ำหล่อเย็นไปหมุนเวียนระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์แบบกลับไปกลับมา ซึ่งหากอุปกรณ์ชิ้นนี้ชำรุดขึ้นมา ก็จะไม่มีน้ำหล่อเย็นไปช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ และทำให้รถความร้อนขึ้นในท้ายที่สุด
วาล์วน้ำเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญ ที่จะทำหน้าที่ในการเปิด-ปิด เพื่อควบคุมอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นในการเข้าไปช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ หากอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ทำงาน หรือชำรุด เครื่องยนต์จะระบายความร้อนไม่ได้ และเกิดการสึกหรออย่างหนักจนบิดเบี้ยวได้
พัดลมหม้อน้ำ ก็เป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้น ที่ทำหน้าที่ระบายความร้อน และควบคุมอุณหภูมิความร้อนของเครื่องยนต์ไม่ให้สูงมากเกินไป หากเกิดชำรุดขึ้นมา ก็จะลงเองด้วยความร้อนเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นไม่ต่างกัน
แม้จะรู้ถึงสาเหตุ และอาการกันไปแล้ว แต่หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ กับตัวเราในขณะขับขี่ ควรจะรับมือกับอาการรถความร้อนขึ้นนี้อย่างไร มาทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้เลย
รถความร้อนขึ้น ไม่ควรขับต่อเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฝาสูบโก่ง และต้องเสียเงินค่าซ่อมที่แพงในภายหลังได้ จึงควรปิดแอร์ทันที และประคองรถเข้าข้างทางเพื่อแก้ไขอาการเบื้องต้น ก่อนนำรถไปตรวจเช็กอีกที
รถความร้อนขึ้น ค่าซ่อมจะมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนหลักหมื่น โดยจะขึ้นอยู่กับชิ้นส่วนที่เสียหายเป็นหลัก หากเป็นที่ปะเก็นฝาสูบแตก หรือสามารถปาดฝาสูบเพื่อใช้งานต่อได้ ก็จะมีค่าซ่อมอยู่ที่ไม่เกิน 3,000 – 5,000 บาท แต่หากอาการหนัก ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนฝาสูบ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 12,000 บาทขึ้นไป
ในวิธีการป้องกันไม่ให้ความร้อนรถขึ้น สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็น การทำงานของพัดลมหม้อน้ำ และตรวจเช็กคราบตะกรันต่าง ๆ ทุกสัปดาห์ รวมไปถึงการเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะที่กำหนด เพียงเท่านี้ก็จะไม่เกิดอาการรถความร้อนขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะอาการรถความร้อนขึ้น มีความอันตรายต่อเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ซึ่งแม้จะซ่อมมาแล้ว ก็อาจจะกลับมาเป็นอีกครั้งได้ การทำ พ.ร.บ. รถยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจึงสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่การสมัครผ่านทางออนไลน์สะดวกสบายกว่าแต่ก่อนเยอะมาก เพียงกรอกข้อมูลไม่กี่ขั้นตอน ก็รับกรมธรรม์ทางอีเมล และนำไปยื่นต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้เลย ในราคาเพียง 499 บาทเท่านั้น ใีครที่ยังไม่รู้จะซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ ราคาถูกที่ไหน ซื้อกับทาง insurverse ได้ตลอด 24 ชม. เลย รับรองว่าถูกชัวร์
*ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 ธันวาคม 2567*
และนี่ก็คือสาเหตุ และอาการทั้งหมดที่ทำให้รถความร้อนขึ้น ซึ่งหากหมั่นดูแล และตรวจเช็กเป็นประจำ ปัญหานี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยตลอดการใช้งานรถ และสำหรับคนที่ไม่มีเวลา ก็เพียงแค่นำรถไปตรวจเช็กระยะ และเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามที่กำหนด ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ลงไปได้เช่นกัน หากอยากให้รอยู่กับเรานาน ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมแพง ๆ ในภายหลัง
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
รู้ความหมายของป้ายจราจรทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ป้ายจราจรทั้งหมดพร้อมความหมาย ช่วยลดอันตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
รู้สึกเหมือนรถโดนดึงเวลาขับอาจเป็นเพราะไฟเบรคค้างอย่าปล่อยไว้นาน พบสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาก่อนใครในบทความนี้
เปิดวาร์ปเรื่องน่ารู้ ท่อไอเสียสำหรับรถยนต์ มีแบบไหนบ้าง สำคัญต่อรถยนต์ยังไง ราคาท่อไอเสียรถยนต์ทั้งเส้นเท่าไหร่? มาเช็คกันเลยค่ะ