vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ปะยางรถยนต์ ราคา

ปะยางรถยนต์ราคาเท่าไหร่ แผลยางรั่วแบบไหนที่ปะได้

schedule
share
ที่มารูปภาพ : https://pixabay.com/photos/flatfoot-senselessly-mature-76564/

ปัญหายางรถยนต์รั่วหรือแบนกลางทางเป็นสิ่งที่หลายคนต้องเคยเจอ ซึ่งวิธีแก้ไขที่ง่ายและประหยัดที่สุดก็คือการปะยาง แต่ปะยางรถยนต์ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของยางและลักษณะของแผลรั่ว อีกทั้งไม่ใช่ทุกแผลจะสามารถปะได้ ดังนั้นการรู้ว่ารูรั่วแบบไหนที่สามารถปะได้จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปะยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นราคาค่าปะยาง วิธีการปะยาง รวมถึงบอกความแตกต่างระหว่างการปะยางและการเปลี่ยนยางใหม่

วิธีการปะยางรถยนต์แบบต่าง ๆ

การปะยางรถยนต์เป็นวิธีแก้ไขปัญหายางรั่วหรือแบนที่เกิดจากการเจอสิ่งแหลมคม เช่น ตะปู นอต หรือเศษแก้ว ซึ่งสามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางใหม่ การปะยางมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะของบาดแผล ขนาดของรอยรั่ว และความเหมาะสมในการใช้งาน โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันดังนี้

  1. การปะแบบแทงไหม (แทงตัวหนอน)

วิธีนี้เป็นการใช้กาวยางและเส้นใยเหนียวพิเศษที่มีลักษณะคล้ายเชือกหรือตัวหนอนแทงเข้าไปในรูรั่วของยาง เพื่ออุดช่องว่างและป้องกันไม่ให้ลมรั่วออก เหมาะสำหรับรอยรั่วขนาดเล็ก เช่น รอยจากตะปูหรือนอตที่อยู่บริเวณหน้ายาง ไม่เหมาะกับแผลบริเวณแก้มยาง เป็นการปะยางรถยนต์ราคาถูกที่สุด ทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องถอดยางออกจากล้อ แต่มีข้อจำกัดเพราะเป็นการซ่อมแซมชั่วคราว อาจมีประสิทธิภาพต่ำเมื่อใช้งานนาน ๆ ไม่เหมาะกับบาดแผลขนาดใหญ่หรือแผลที่เกิดบริเวณขอบแก้มยาง

  1. การปะแบบสตรีมเย็น

เป็นการใช้แผ่นปะยางและกาวพิเศษสำหรับซ่อมยางติดบริเวณรูรั่วด้านในยางเพื่อปิดช่องลม โดยไม่ต้องใช้ความร้อนในการซ่อมแซม เหมาะสำหรับรอยรั่วขนาดเล็กถึงปานกลางที่อยู่บริเวณหน้ายาง มีความแน่นหนาและซ่อมได้รวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ทนทานเท่าการปะแบบสตรีมร้อน ไม่เหมาะกับแผลใหญ่หรือแผลที่มีความเสียหายรุนแรง

  1. การปะแบบสตรีมร้อน

เป็นการใช้แผ่นยางพิเศษวางทับบริเวณรูรั่วแล้วใช้เครื่องทำความร้อนหลอมแผ่นยางให้ติดแน่นกับยางเดิม เหมาะสำหรับรอยรั่วขนาดปานกลางถึงใหญ่ที่หน้ายางและต้องการการซ่อมแซมที่มีความทนทาน มีข้อดีเรื่องความทนทานและมีประสิทธิภาพสูง เป็นการซ่อมถาวร ใช้งานได้เทียบเท่ายางใหม่ แต่ใช้เวลานานกว่า

ราคาค่าบริการปะยางรถยนต์

การปะยางรถยนต์ราคาขึ้นอยู่กับวิธีการปะยาง ขนาดของยาง และความยากง่ายของบาดแผล โดยราคาประมาณการมีดังนี้

  • การปะแบบแทงตัวหนอน ราคาประมาณ 70 – 100 บาท
  • การปะแบบสตรีมเย็น ราคาประมาณ 150 – 300 บาท
  • การปะแบบสตรีมร้อน ราคาประมาณ 150 – 300 บาท

ทั้งนี้การปะยางรถยนต์ราคาขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการและร้านซ่อมยางแต่ละแห่งเป็นสำคัญ

ความแตกต่างระหว่างการปะยางและการเปลี่ยนยางใหม่

การปะยางและการเปลี่ยนยางใหม่เป็นวิธีแก้ไขปัญหายางรถยนต์รั่วหรือเสียหายที่หลายคนต้องพิจารณา โดยทั้งสองวิธีมีข้อแตกต่างกันชัดเจนในเรื่องค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และความปลอดภัย ดังนี้

  1. ค่าใช้จ่าย

ปะยางรถยนต์ราคาถูกและประหยัดมากกว่า โดยเฉพาะการปะแบบแทงตัวหนอน เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการเปลี่ยนยางใหม่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เพราะต้องซื้อยางเส้นใหม่ แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

  1. ความทนทาน

การปะยางมีความทนทานปานกลาง ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้และตำแหน่งของบาดแผล เช่น การปะแบบสตรีมร้อนจะทนทานมากกว่าการปะแบบแทงตัวหนอน ส่วนการเปลี่ยนยางใหม่ทนทานและใช้งานได้ยาวนานที่สุด เนื่องจากยางใหม่มีสภาพสมบูรณ์ทั้งโครงสร้างและวัสดุ

  1. ระยะเวลาในการซ่อม

การปะยางใช้เวลารวดเร็วกว่า ประมาณ 15 – 30 นาที แต่การเปลี่ยนยางใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง เพราะต้องถอดยางเก่าแล้วใส่ยางใหม่ รวมไปถึงต้องทำการตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ด้วย

  1. ความปลอดภัย

การปะยางปลอดภัยในกรณีที่บาดแผลเล็กและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น หน้ายาง แต่ไม่เหมาะสำหรับแผลที่แก้มยางหรือแผลมีขนาดใหญ่ ส่วนการเปลี่ยนยางใหม่ให้ความปลอดภัยสูงสุด เพราะยางใหม่มีสภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์

กล่าวโดยสรุป การปะยางเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยเฉพาะแผลเล็กและตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น บริเวณหน้ายาง ส่วนการเปลี่ยนยางใหม่แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในแง่ของความปลอดภัยและความทนทานในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อยางได้รับความเสียหายรุนแรงหรือมีบาดแผลบริเวณแก้มยาง

การพิจารณาเลือกวิธีแก้ไขจึงควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อให้ทุกการเดินทางมั่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวล

การดูแลยางรถยนต์ให้มีสภาพสมบูรณ์และพร้อมใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกการเดินทาง อย่าลืมตรวจเช็กสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และเลือกวิธีแก้ไขปัญหายางที่เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด


แม้จะเตรียมพร้อมดูแลยางรถยนต์อย่างดีแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนนยังคงเกิดขึ้นได้เสมอ การมีประกันภัยรถยนต์ที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่อาจตามมาได้ เพราะช่วยให้คุณอุ่นใจทุกการเดินทาง ด้วยแผนประกันภัยที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 3+ หรือแม้แต่ ประกันชั้น 3 ก็สามารถช่วยให้คุณอุ่นใจได้จากความคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกและทรัพย์สินของคู่กรณี รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกทำประกันประเภทไหนดี สามารถ เช็กค่าเบี้ยประกัน ที่เหมาะกับรถของคุณก่อนตัดสินใจซื้อประกันได้ที่เว็บไซต์ insurverse

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย