vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
7 สาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด!? 2567 พร้อมวิธีจัดการปัญหา

7 สาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด 2567 พร้อมวิธีจัดการปัญหา

schedule
share

รถสตาร์ทไม่ติดเป็นปัญหาที่คนใช้รถปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุด ซึ่งมีสาเหตุมากมายที่ทำให้รถสตาร์ทติดยากไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์, น้ำมันหรือความบกพร่องชำรุดของรถยนต์ รู้หรือไม่นอกเหนือจากที่จะต้องตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำสม่ำเสมอแล้ว การซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะหากเกิดรถสตาร์ทติดยากหรือสตาร์ทไม่ติดเมื่อไหร่ก็จะมีผู้ช่วยอยู่เคียงใกล้คอยแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน บอกเลยว่ามีสาเหตุหลายประการที่ทำให้รถมีปัญหา หากรู้จักวิธีการจัดการปัญหาต่างๆ เบื้องต้นด้วยตัวเองจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างแท้จริง

a-car-engine-problem

7 สาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด 2567 พร้อมวิธีป้องกันแก้ไขปัญหา

รถสตาร์ทไม่ติดมีสาเหตุต่างๆ มากมาย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยและจะปวดหัวมากหากเกิดเหตุในสถานที่ข้างนอกไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน, ในห้างสรรพสินค้าหรือในที่ทำงาน ซึ่งหากได้มีการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์เพื่อเลือกประกันที่ช่วยดูแลคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมแม้แต่ในเรื่องของปัญหาของรถยนต์ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจะมีคนดูแลคอยจัดการแก้ปัญหาให้ได้อุ่นใจในทุกการขับขี่อย่างแน่นอน โดย 7 สาเหตุที่รถยนต์สตาร์ทไม่ติด, ปัญหาของระบบสตาร์ทมีอะไรบ้างพร้อมวิธีจัดการปัญหา มีดังนี้

1. แบตเตอรี่เสื่อม

ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดมีเสียงแก๊กๆ บางครั้งอาจจะลืมตรวจเช็คหรือเปลี่ยนใหม่ ซึ่งจะทำให้ไม่มีกำลังไฟพอในการจ่ายพลังงานให้เครื่องยนต์ แบตเตอรี่อาจจะรั่วซึมหรือพังเสียหายจึงไม่สามารถที่จะสตาร์ทรถได้ โดยสามารถที่จะสังเกตได้จากหน้าปัดรถยนต์ซึ่งไฟแสดงสถานะจะไม่ขึ้น วิธีจัดการปัญหาเบื้องต้นคือนำแบตเตอรี่สำรองมาพ่วงเติมพลังงานหรือพ่วงกับรถคันอื่นเพื่อให้สตาร์ทติดก่อน แล้วรีบนำรถเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนแบตทันที

2. มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม

สาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติดอาจจะเกิดจากปัญหาของมอเตอร์สตาร์ท ซึ่งอาจจะเป็นฟิวส์ขาดหรือสายไฟชำรุดจึงทำให้สตาร์ทไม่ติด วิธีการจัดการปัญหาจะต้องรีบนำรถเข้าศูนย์ที่ใกล้ที่สุดทันทีเพื่อตรวจสอบสภาพของเครื่องยนต์

3. ไดชาร์จเสื่อม

หากได้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เรียบร้อยแล้วรถสตาร์ทไม่ติดไม่มีเสียงอะไรเลย แสดงว่าไดชาร์จของเครื่องยนต์อาจจะเสื่อมจนทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เพราะหากไดชาร์จพังหรือเสื่อมจะทำให้ประสิทธิภาพการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ลดลง วิธีแก้ไขปัญหาต้องรีบนำรถส่งศูนย์ทำการซ่อมแซมทันที

4. ปั๊มติ๊กเสียหาย

ปั๊มติ๊กหรืออุปกรณ์ในการดึงน้ำมันจากตัวถังน้ำมันรถยนต์ไปกระตุ้นให้เกิดการสตาร์ทรถ หากอุปกรณ์นี้พังหรือเสียหายจึงทำให้รถสตาร์ทไม่ติด วิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาคือหลีกเลี่ยงการขับรถในขณะที่น้ำมันเหลือน้อย เพราะอุปกรณ์ตัวนี้จะดึงอากาศเข้ามาในตัวรถยนต์แทนน้ำมันซึ่งอาจจะส่งผลเสียทำให้เครื่องยนต์พังได้ง่าย

5. ระบบไฟฟ้าเกิดปัญหา

หากจอดรถทิ้งไว้นานโดยไม่ใช้งาน อาจจะทำให้มีสัตว์พวกแมลงหรือหนูเข้าไปทำลายหรือกัดสายไฟ ทำให้ระบบไฟฟ้าอาจเกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดไม่มีไฟ วิธีแก้ไขปัญหาก็คือควรจะต้องตรวจสอบรถเป็นประจำโดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและไม่ควรที่จะจอดรถไว้ในที่มีหนูหรือแมลงสาบ

6. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก

หากขั้วแบตเตอรี่มีคราบเกลือสีเขียวอมฟ้าติดอยู่จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติดหรือติดยาก วิธีแก้ไขปัญหาคือควรจะต้องทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่อยู่เสมอ ทำการเช็คสายไฟและขันให้แน่นอยู่ตลอด

7. ฟิวส์สตาร์ทเสียหาย

เกิดจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทรถผิดวิธีหรือใช้งานมานานแล้วก็อาจจะเกิดการชำรุดเสียหายได้ วิธีแก้ไขปัญหาก็คือต้องเปลี่ยนใหม่เท่านั้น ส่วนวิธีการป้องกันก็คือต้องสตาร์ทรถอย่างถูกวิธี โดยการค่อยๆ บิดกุญแจไม่ต้องรีบร้อนเพราะอาจจะทำให้ฟิวส์สตาร์ทพังได้ง่าย

asian-woman-calling-repairman-or-insurance

สรุป

ถ้าเกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดจนไม่สามารถเดินทางได้ ยิ่งหากเกิดเหตุอยู่ข้างนอกในระหว่างทางที่ไม่อยู่ในชุมชนหรือไม่มีอู่รถอยู่ใกล้เคียง จึงจำเป็นที่จะต้องโทรเรียกใช้บริการอู่ให้มายกหรือลากไปซ่อม บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง จะดีไม่น้อยหากได้ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้จะได้รับการดูแลช่วยเหลือตลอดเวลา 24 ชั่วโมง รถยนต์สตาร์ทไม่ติดที่ไหนเมื่อไหร่ก็อุ่นใจว่าจะมีผู้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ ดังนั้นรีบเข้ามาเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ที่ให้บริการคุ้มครองเหนือระดับกับ insurverse ได้เลยทันที รับรองว่าชีวีจะจบสวยในทุกเหตุการณ์

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)