vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
รีโนเวทห้องนอน แต่งใหม่ให้สวย ฟังก์ชันครบ งบไม่บาน

รีโนเวทห้องนอน แต่งใหม่ให้สวย ฟังก์ชันครบ งบไม่บาน

schedule
share

บ้านและคอนโดเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง การรีโนเวทให้สวยและน่าอยู่ขึ้นอาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะการ รีโนเวทห้องนอน แต่หลายคนอาจไม่ทันคิดว่าการปรับปรุงบ้านมีความเสี่ยงแฝงอยู่ ทั้งอุบัติเหตุจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ความเสียหายจากการก่อสร้าง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่วางแผนไว้ นอกจากการวางแผนรีโนเวทให้ดีแล้ว การมี ประกันภัยบ้านและคอนโด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เจ้าของบ้านสบายใจขึ้น เพราะช่วยรองรับความเสียหายจากเหตุไม่คาดฝันได้อย่างครอบคลุม

รีโนเวทห้องนอน ต้องวางแผนยังไงบ้าง

การจะรีโนเวทห้องนอนให้สวยและใช้งานได้ดี ไม่ใช่แค่เลือกสีทาผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ๆ แต่ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะถ้าเริ่มผิด ตั้งแต่แรก อาจจะต้องแก้ใหม่ให้วุ่น มาดูกันว่ามีอะไรต้องวางแผนบ้าง

1. กำหนดเป้าหมายให้ชัด
ต้องรู้ก่อนว่าต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร อยากได้สไตล์ไหน หรือมีปัญหาอะไรในห้องเก่าที่อยากแก้ เช่น ห้องอับแสงไปไหม? ต้องการที่เก็บของเพิ่มหรือเปล่า? สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้วางแผนได้ง่ายขึ้น

2. วัดขนาดห้องให้เป๊ะก่อนเริ่มปรับปรุง
การคำนวณพื้นที่ผิดพลาด อาจทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมาไม่พอดี หรือทำให้ใช้สอยพื้นที่ได้ไม่เต็มที่ ต้องวัดขนาดห้อง ประตู หน้าต่าง และจุดที่จะติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ให้แม่นยำ

3. เช็กโครงสร้างและระบบไฟ-น้ำก่อนทุบหรือปรับเปลี่ยน
หากจะปรับผังห้องใหม่ เช่น ย้ายเตียงหรือโต๊ะทำงาน ต้องเช็กให้ดีว่าสามารถติดตั้งปลั๊กไฟหรือเดินสายไฟใหม่ได้ไหม รวมถึงอย่าลืมดูระบบน้ำ ถ้ามีห้องน้ำในตัวหรือเดินท่อเพิ่ม

4. ตั้งงบประมาณให้ชัด และเผื่อไว้อีก 10-20%
การรีโนเวทมักมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่าแรง ค่าของที่ต้องเปลี่ยนกะทันหัน หรือค่าอุปกรณ์ที่แพงกว่าที่คิด ถ้าไม่เผื่องบ อาจต้องหยุดงานกลางคัน

5. วางแผนระยะเวลาการรีโนเวท
ต้องคิดว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน และต้องย้ายออกจากห้องนอนชั่วคราวหรือไม่ โดยเฉพาะถ้ามีการปรับโครงสร้างห้อง หรือทาสีใหม่ที่อาจต้องรอให้แห้งก่อนใช้งาน

อะไรที่ห้ามทำถ้าอยากรีโนเวทห้องนอน

1. ห้ามเลือกสีทาผนังแบบไม่ได้ลองก่อน
สีที่เห็นในตัวอย่างอาจดูดี แต่เมื่อทาลงบนผนังจริงอาจไม่เหมาะกับแสงในห้อง ต้องทดลองทาสีตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อจริง

2. ห้ามเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่เกินไป
เตียง ตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะเครื่องแป้งที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้ห้องดูแคบกว่าเดิม ควรเลือกขนาดที่พอดี และออกแบบให้ใช้งานได้คุ้มค่าทุกพื้นที่

3. ห้ามลืมเรื่องแสงสว่างและระบบระบายอากาศ
ถ้าแสงน้อยไป ห้องจะดูอึดอัด ถ้าแสงจ้ามากเกินไป อาจทำให้นอนหลับไม่สบาย ควรเลือกใช้ม่านที่ช่วยควบคุมแสง และตรวจสอบให้มีระบบระบายอากาศที่ดี

4. ห้ามใช้วัสดุที่ดูแลยากหรือเก็บฝุ่นเยอะ
เช่น พรมขนนุ่มที่ทำให้เกิดฝุ่นสะสมง่าย หรือวอลเปเปอร์ที่ลอกออกยาก ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ควรเลือกวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและใช้งานได้ยาวนาน

5. ห้ามยัดของตกแต่งเยอะเกินไป
การตกแต่งห้องให้ดูดี ไม่ได้แปลว่าต้องใส่ของเยอะ ๆ เพราะอาจทำให้ห้องดูรก แทนที่จะน่าอยู่ ควรเลือกของตกแต่งที่มีประโยชน์และเข้ากับสไตล์ของห้อง

ควรโฟกัสที่อะไรถ้าจะรีโนเวทห้องนอน

1. เตียงและที่นอนต้องมาเป็นอันดับแรก
ห้องนอนที่ดี ต้องให้ความสำคัญกับการนอนเป็นหลัก การเลือกเตียงที่เหมาะสมและที่นอนที่รองรับสรีระได้ดี จะช่วยให้การพักผ่อนมีคุณภาพขึ้น

2. ระบบแสงต้องเหมาะกับทุกการใช้งาน
ควรมีแสงหลักที่สว่างพอสำหรับการทำกิจกรรม และแสงไฟข้างเตียงที่ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย การติดตั้งไฟแบบปรับระดับความสว่างได้จะช่วยให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

3. พื้นที่เก็บของต้องเพียงพอและไม่เกะกะ
การมีตู้เสื้อผ้าและที่เก็บของที่เป็นระเบียบ จะช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเก็บของซ่อนอยู่ เช่น เตียงที่มีลิ้นชัก หรือโต๊ะที่มีที่เก็บของในตัว

4. สีห้องและการตกแต่งต้องเข้ากับสไตล์ที่ต้องการ
ถ้าต้องการห้องที่ดูอบอุ่น เลือกโทนสีเอิร์ธโทน ถ้าอยากได้ความสดใส ลองใช้สีพาสเทล แต่ไม่ควรใช้สีจัดจ้านเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตา

5. ความเงียบและความเป็นส่วนตัว
ถ้าห้องนอนติดกับพื้นที่ที่มีเสียงดัง ควรพิจารณาติดตั้งฉนวนกันเสียง หรือใช้ผ้าม่านหนาที่ช่วยลดเสียงรบกวน เพื่อให้ห้องเป็นพื้นที่พักผ่อนที่เงียบสงบ

แนะนำแต่ละส่วนในการรีโนเวทห้องนอนให้ใช้งานได้จริงและสวยลงตัว

1. เฟอร์นิเจอร์ – เลือกยังไงให้เข้ากับห้องและใช้พื้นที่คุ้มสุด

  • ขนาดต้องพอดี: อย่าให้เฟอร์นิเจอร์กินพื้นที่มากเกินไป โดยเฉพาะห้องขนาดเล็ก ควรเลือกแบบมัลติฟังก์ชัน เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โต๊ะเครื่องแป้งที่พับเก็บได้
  • วัสดุสำคัญ: ถ้าอยากให้ใช้งานได้นาน ให้เลือกวัสดุคุณภาพดี เช่น ไม้จริง หรือ MDF กันชื้นสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องทนทาน
  • สไตล์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับธีมห้อง ไม่ว่าจะเป็นมินิมอล ลอฟต์ หรือโมเดิร์น

2. สีห้อง – เลือกยังไงให้ดูสบายตาและนอนหลับง่ายขึ้น

  • โทนสีอ่อนช่วยให้ห้องดูกว้าง: สีขาว ครีม เทาอ่อน หรือพาสเทล เหมาะกับห้องเล็ก ๆ เพราะช่วยให้ดูโปร่งขึ้น
  • โทนเข้มสร้างบรรยากาศอบอุ่น: สีกรม เทาดำ หรือสีน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกหรูหราและผ่อนคลาย แต่ควรใช้แค่ผนังบางส่วนเพื่อไม่ให้ห้องดูทึบ
  • สีที่ส่งผลต่อการพักผ่อน: สีโทนเย็น เช่น ฟ้า เขียวพาสเทล หรือม่วงลาเวนเดอร์ ช่วยให้รู้สึกสงบและนอนหลับสบายขึ้น

3. แสงไฟ – ปรับยังไงให้เหมาะกับทุกกิจกรรม

  • ไฟหลักควรเป็นไฟ Warm White หรือ Daylight เพื่อให้แสงดูเป็นธรรมชาติ ไม่ขาวจ้าเกินไปจนทำให้ห้องดูแข็ง
  • มีไฟข้างเตียงเพิ่มบรรยากาศ เช่น โคมไฟหัวเตียงแบบปรับระดับความสว่างได้ หรือไฟติดผนังที่ช่วยให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น
  • ซ่อนไฟ LED ใต้เตียงหรือชั้นวางของ ช่วยเพิ่มมิติให้ห้องดูโมเดิร์นและมีสไตล์ขึ้น

4. ผ้าม่าน – ช่วยคุมแสงและสร้างบรรยากาศให้ห้องดูน่าอยู่

  • ม่านโปร่ง + ม่านทึบ: ช่วยให้คุมแสงได้ดีขึ้น เปิดรับแสงตอนกลางวัน และปิดสนิทเพื่อความเป็นส่วนตัวตอนกลางคืน
  • สีม่านต้องเข้ากับสีห้อง: เลือกสีที่เข้ากัน เช่น ห้องโทนขาวควรใช้ม่านเทา ครีม หรือสีพาสเทลเพื่อให้ดูนุ่มนวล
  • ความยาวม่านควรแตะพื้น: ทำให้ห้องดูสูงขึ้นและหรูขึ้น แทนการใช้ม่านที่ตัดสั้นเกินไป

5. พื้นห้อง – ต้องเลือกให้ทนและดูแลง่าย

  • พื้นไม้ลามิเนตหรือ SPC: เหมาะกับคนที่อยากได้ลุคอบอุ่น ดูแลง่าย ไม่อมฝุ่นเหมือนพรม
  • กระเบื้องลายไม้: ทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้ความสวยของไม้แต่ต้องการความทนทาน
  • พื้นห้องควรเป็นสีอ่อน: ถ้าอยากให้ห้องดูกว้างขึ้น สีไม้ธรรมชาติหรือสีขาวครีมเป็นตัวเลือกที่ดี

6. ที่เก็บของ – จัดสรรยังไงให้ไม่รก

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเก็บของ เช่น เตียงที่มีลิ้นชัก ชั้นวางของติดผนัง โต๊ะเครื่องแป้งที่มีช่องเก็บของ
  • เก็บของแนวตั้ง: ถ้ามีพื้นที่จำกัด ให้ใช้ชั้นวางของแบบสูงแทนการวางของกระจัดกระจาย
  • แบ่งหมวดหมู่ให้ชัดเจน: ใช้กล่องเก็บของที่มีป้ายติดไว้เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้

7. กระจก – ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น

  • กระจกเงาบานใหญ่: วางไว้ตรงข้ามหน้าต่างเพื่อสะท้อนแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้น
  • ตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกในตัว: ประหยัดพื้นที่และใช้งานได้สองฟังก์ชัน

8. การตกแต่ง – ใส่แค่พอดี ไม่ต้องเยอะ

  • งานศิลปะหรือภาพติดผนัง: เลือกภาพที่ช่วยสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้ห้อง เช่น ภาพโทนธรรมชาติ ภาพถ่ายเมืองที่ชอบ
  • ต้นไม้ฟอกอากาศ: ใบเขียว ๆ เช่น ไทรใบสัก ลิ้นมังกร หรือมอนสเตอร่า ช่วยให้ห้องดูสดชื่นและช่วยกรองอากาศ
  • เลือกของตกแต่งที่เป็นโทนสีเดียวกัน: ทำให้ห้องดูมีธีมและสวยแบบไม่รกตา

หลังจากรีโนเวทห้องนอนจนออกมาสวยถูกใจแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น อัคคีภัย ไฟฟ้าลัดวงจร ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่โจรกรรม การ เช็กเบี้ยประกันบ้านและคอนโด เป็นทางเลือกที่ช่วยให้เจ้าของบ้านไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพียงลำพัง insurverse มีแผนความคุ้มครองที่ยืดหยุ่น ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการได้เอง และที่สำคัญคือ ซื้อง่าย ออนไลน์ 100% ไม่ต้องผ่านตัวแทน ช่วยให้จัดการทุกอย่างได้สะดวก รวดเร็ว และมั่นใจว่าบ้านที่รีโนเวทมาอย่างดี จะได้รับการคุ้มครองจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

5 คำถามที่พบบ่อย

รีโนเวทห้องนอนต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่?

งบประมาณขึ้นอยู่กับขนาดห้องและสิ่งที่ต้องปรับปรุง ถ้าเป็นการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งใหม่ อาจใช้เงินหลักหมื่น แต่ถ้ามีการรื้อถอนหรือปรับโครงสร้าง อาจต้องใช้งบหลักแสนขึ้นไป

ต้องขออนุญาตรีโนเวทห้องนอนในคอนโดหรือไม่?

ถ้าเป็นคอนโด อาจต้องขออนุญาตนิติบุคคล โดยเฉพาะหากมีการทุบผนัง เปลี่ยนระบบไฟฟ้าหรือประปา ควรเช็กกฎของอาคารก่อนเริ่มงาน

ใช้วัสดุปูพื้นแบบไหนดีที่สุดสำหรับห้องนอน?

พื้นไม้ลามิเนต SPC หรือไวนิลเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะให้สัมผัสอบอุ่น เดินสบาย และดูแลรักษาง่าย ควรหลีกเลี่ยงพรมถ้ากังวลเรื่องฝุ่นสะสม

ควรรีโนเวทห้องนอนช่วงไหนของปี?

ถ้าต้องมีการทาสีหรือเปลี่ยนโครงสร้าง แนะนำให้ทำช่วงฤดูแล้ง เพราะอากาศแห้ง ทำให้สีแห้งเร็วและลดปัญหาความชื้นที่อาจกระทบงานปรับปรุง

รีโนเวทห้องนอนเองหรือจ้างผู้รับเหมาดีกว่า?

ถ้าเป็นการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ ทาสี หรือตกแต่งพื้นฐาน สามารถทำเองได้ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือระบบไฟฟ้า แนะนำให้จ้างมืออาชีพเพื่อความปลอดภัยและได้มาตรฐาน

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย