vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
10 ที่เที่ยวโครเอเชีย สวยสะกดใจ เห็นแล้วต้องร้องว้าว

10 ที่เที่ยวโครเอเชีย สวยสะกดใจ เห็นแล้วต้องร้องว้าว

schedule
share

โครเอเชีย ไม่ได้มีดีแค่ทะเลสีฟ้าใสกับเมืองเก่าที่เหมือนหลุดออกมาจากหนัง เพราะที่นี่เต็มไปด้วยจุดหมายปลายทางสุดว้าวที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ทั้งอุทยานธรรมชาติที่สวยจนตาค้าง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ไปจนถึงเมืองท่าเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าในอดีต 

ถ้าใครกำลังวางแผนจะไปทัวร์โครเอเชีย บอกเลยว่าต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะทริปนี้จะเต็มไปด้วยการผจญภัยแบบจัดเต็ม และเพื่อให้ทริปนี้ไม่มีสะดุด อย่าลืมเช็กเบี้ยประกันเดินทางจาก insurverse ที่มีเบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป แต่ความคุ้มครองมาเต็ม ไม่ว่ากระเป๋าหาย ไฟล์ทดีเลย์ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน insurverse ก็พร้อมดูแลให้เที่ยวได้แบบสบายใจ

1. อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เลคส์ (Plitvice Lakes National Park)

อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เลคส์ เป็นมรดกโลกของยูเนสโกที่เต็มไปด้วยทะเลสาบสีฟ้าใสและน้ำตกมากกว่า 90 แห่ง ที่นี่มีเส้นทางเดินป่าและสะพานไม้ที่พาดผ่านทะเลสาบให้เดินชมวิวแบบใกล้ชิด น้ำในทะเลสาบเปลี่ยนสีไปตามแสงแดดและแร่ธาตุในน้ำ ตั้งแต่สีฟ้าอมเขียวไปจนถึงสีฟ้าใสสุดตา

  • อุทยานเปิดตลอดปี แต่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่ดีที่สุดเพราะน้ำตกจะเต็มไปด้วยน้ำและสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี
  • ห้ามว่ายน้ำในทะเลสาบ เพื่อรักษาความใสสะอาดของธรรมชาติ
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมจะแตกต่างกันตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะมีราคาสูงกว่าฤดูอื่น

2. เมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik)

ดูบรอฟนิก เมืองริมชายฝั่งอาเดรียติกที่ได้ฉายาว่า “ไข่มุกแห่งอาเดรียติก” เพราะมีเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินโบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เดินบนกำแพงเมืองเก่าจะได้เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาและหลังคากระเบื้องสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ ที่นี่เป็นฉากถ่ายทำของซีรีส์ Game of Thrones ด้วยนะ!

  • สามารถขึ้นกระเช้า Dubrovnik Cable Car เพื่อชมวิวเมืองและทะเลจากมุมสูง
  • ค่าเข้าชมกำแพงเมืองเก่ารวมอยู่ใน Dubrovnik Card ซึ่งใช้สำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง
  • หลีกเลี่ยงการเดินเที่ยวช่วงกลางวันเพราะนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญจะเยอะมาก

3. อุทยานแห่งชาติครูก้า (Krka National Park)

ถ้าอยากว่ายน้ำในน้ำตก อุทยานแห่งชาติครูก้าเป็นตัวเลือกที่ห้ามพลาด ที่นี่มีน้ำตกสวยงามอย่าง Skradinski Buk ซึ่งสามารถลงเล่นน้ำได้ในพื้นที่ที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีทางเดินไม้ให้เดินชมวิวธรรมชาติรอบ ๆ และเรือพาชมความงามของแม่น้ำครูก้า

  • น้ำในอุทยานมีสีเขียวอมฟ้าเพราะแร่ธาตุในน้ำ
  • มีบริการเรือพาไปชม Monastery of Visovac ที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ กลางแม่น้ำ
  • ช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจะเยอะมาก ควรไปเช้าหรือเลือกไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ

4. เมืองสปลิต (Split)

สปลิต เมืองใหญ่อันดับสองของโครเอเชีย เป็นที่ตั้งของพระราชวังดิออคลีเชียน (Diocletian’s Palace) ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก พระราชวังนี้ไม่ได้เป็นเพียงโบราณสถาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของชาวเมืองเพราะภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร และที่อยู่อาศัย

  • พระราชวังถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 โดยจักรพรรดิโรมัน
  • สามารถเดินขึ้นไปยังหอระฆังของมหาวิหาร Saint Domnius เพื่อชมวิวเมือง
  • ริมทะเลมี Riva Promenade ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่

5. หมู่เกาะฮวาร์ (Hvar Island)

เกาะฮวาร์เป็นที่รู้จักในฐานะเกาะที่มีแสงแดดมากที่สุดในโครเอเชีย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศหรูหราและการล่องเรือยอชท์ เมือง Hvar Town เต็มไปด้วยบาร์และคลับที่คึกคักในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็มีชายหาดสวย ๆ และทุ่งลาเวนเดอร์ให้เดินเล่น

  • สามารถขึ้นไปที่ Fortica (Spanish Fortress) เพื่อชมวิวเมืองและหมู่เกาะ Pakleni
  • ทุ่งลาเวนเดอร์จะบานเต็มที่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคม
  • มีเรือเฟอร์รี่เชื่อมต่อกับเมืองสปลิต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

6. เมืองโรวิญ (Rovinj)

โรวิญ เมืองชายฝั่งในแคว้นอิสเตรียที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบเมืองเก่าของยุโรป ซอยแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินและอาคารสีพาสเทลทำให้การเดินเล่นในเมืองนี้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง จุดเด่นของเมืองคือตึกโบสถ์ Saint Euphemia ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเนิน

  • ท่าเรือเมืองเก่าเต็มไปด้วยเรือประมงและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสด ๆ
  • สามารถเช่าจักรยานปั่นเลียบชายฝั่งไปยัง Golden Cape Forest Park
  • โรวิญเป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในโครเอเชีย

7. ซาดาร์ (Zadar)

ซาดาร์ เมืองท่าเก่าแก่ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์กับความทันสมัยได้อย่างลงตัว ไฮไลต์ของเมืองนี้คือ Sea Organ เครื่องดนตรีที่เล่นด้วยคลื่นทะเล และ Sun Salutation แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีสันในยามค่ำคืน

  • โบสถ์ Saint Donatus เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9
  • สามารถเดินเล่นริมชายฝั่งเพื่อฟังเสียงดนตรีจาก Sea Organ ได้ตลอดวัน
  • เมืองนี้เป็นจุดขึ้นเรือไปยังหมู่เกาะ Kornati ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์

8. พูลา (Pula)

พูลา เมืองที่เต็มไปด้วยโบราณสถานจากยุคโรมัน โดยเฉพาะอัฒจันทร์พูลา (Pula Arena) ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และเป็นหนึ่งในสนามกีฬายุคโรมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่เคยใช้สำหรับการแข่งกลาดิเอเตอร์ในอดีต และปัจจุบันยังใช้จัดคอนเสิร์ตและงานเทศกาลต่าง ๆ

  • Pula Arena สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 และจุผู้ชมได้ถึง 23,000 คน
  • สามารถชมวิวเมืองจากปราสาท Venetian Fortress ที่อยู่บนเนินเขา
  • เมืองพูลาอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Brijuni ซึ่งเคยเป็นที่พักผ่อนของผู้นำยูโกสลาเวีย

9. ซิเบนิก (Sibenik)

ซิเบนิก เมืองริมฝั่งทะเลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร Saint James ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก จุดเด่นของเมืองคือถนนหินแคบ ๆ ที่คดเคี้ยวผ่านอาคารเก่าแก่และป้อมปราการที่มองเห็นวิวทะเล

  • มหาวิหาร Saint James สร้างขึ้นโดยใช้หินทั้งหลัง ไม่มีการใช้ไม้หรือโลหะเลย
  • ป้อมปราการ St. Michael’s Fortress จัดแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งในช่วงฤดูร้อน
  • เมืองนี้อยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติ Krka สามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้สะดวก

10. โครูล่า (Korčula)

โครูล่า เกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และตำนานว่าเป็นบ้านเกิดของนักสำรวจชื่อดัง มาร์โค โปโล เมืองเก่าของโครูล่าเป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบและถนนที่เรียงตัวกันเหมือนก้างปลาเพื่อรับลมทะเลในฤดูร้อน

  • สามารถเยี่ยมชมบ้านเกิดของมาร์โค โปโล ที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์
  • การแสดงดาบ Moreška เป็นการเต้นรำโบราณที่แสดงถึงการต่อสู้ระหว่างศัตรูสองฝ่าย
  • เกาะนี้ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ขาว Grk ที่ปลูกในพื้นที่

ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในเสน่ห์ของกำแพงเมืองโบราณที่ดูบรอฟนิก หรือตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกสุดอลังการที่พลิตวิเซ่ โครเอเชียก็มีที่เที่ยวให้เลือกแบบไม่รู้จบ แต่ทริปที่สนุกที่สุดก็คือทริปที่ปลอดภัยและไร้กังวล ลองเลือก insurverse ประกันเดินทางต่างประเทศ ที่จัดความคุ้มครองให้แบบเน้น ๆ และพร้อมซัพพอร์ตตลอด 24 ชั่วโมง จะเดินทางคนเดียวหรือยกแก๊งไปทั้งครอบครัวก็อุ่นใจ เพราะ insurverse มีประกันรายปีที่ซื้อได้พร้อมกันถึง 15 คน ให้เที่ยวได้ทุกที่แบบไม่มีพลาด

5 คำถามที่พบบ่อย

โครเอเชียเที่ยวเดือนไหนดีที่สุด?

โครเอเชียเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) เพราะอากาศกำลังสบาย นักท่องเที่ยวไม่เยอะ และราคาที่พักไม่แพงเท่าช่วงฤดูท่องเที่ยวหลักในฤดูร้อน

เดินทางในโครเอเชียใช้วิธีไหนสะดวกที่สุด?

การเดินทางในโครเอเชียสามารถใช้รถบัสระหว่างเมืองได้อย่างสะดวก เพราะมีเครือข่ายครอบคลุมทั้งประเทศ หรือถ้าต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น การเช่ารถขับเองก็เป็นตัวเลือกที่ดีโดยเฉพาะถ้าต้องการไปสำรวจธรรมชาติและหมู่บ้านเล็ก ๆ

ใช้เงินสกุลอะไรในโครเอเชีย?

ตั้งแต่ปี 2023 โครเอเชียได้เปลี่ยนมาใช้เงินยูโร (EUR) แทนสกุลเงินโคน่า (HRK) ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวสามารถแลกเงินยูโรหรือใช้บัตรเครดิตได้เกือบทุกที่

โครเอเชียปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวหรือไม่?

โครเอเชียถือเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ แต่ควรระวังการโจรกรรมเล็กน้อยในพื้นที่ท่องเที่ยวที่แออัด เช่น การถูกล้วงกระเป๋าในตลาดหรือรถสาธารณะ

ต้องขอวีซ่าเพื่อเข้าโครเอเชียหรือไม่?

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตไทย จำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้นล่วงหน้า เนื่องจากโครเอเชียเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกเขตเชงเก้นตั้งแต่ปี 2023 โดยสามารถยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตหรือศูนย์รับคำร้องวีซ่าในประเทศไทย

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย