ยุโรปเป็นทวีปที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติสุดอลัง วัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง หรือเมืองเก่าแก่ที่มีเรื่องราวน่าค้นหา แต่ละประเทศมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง มาดูกันว่า 5 ประเทศในยุโรปที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิตมีที่ไหนบ้าง
นอกจากเลือกประเทศที่ต้องการจะเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญก็คือประกันเดินทาง อย่าลืมเช็กเบี้ยประกันเดินทางจากต่างประเทศจาก insurverse เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือนั่นเอง
นอร์เวย์คือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ เพราะมีฟยอร์ดที่สวยระดับมรดกโลก เช่น Geirangerfjord และ Nærøyfjord ที่โอบล้อมไปด้วยหน้าผาสูงชัน น้ำตกที่ไหลจากยอดเขา และหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ถ้าอยากสัมผัสความอลังการของฟยอร์ดแบบเต็มอิ่ม ต้องนั่งเรือสำรวจตามเส้นทางฟยอร์ด หรือขึ้นรถไฟสาย Flåm ที่วิ่งผ่านวิวหุบเขา น้ำตก และแม่น้ำสุดตระการตา ฤดูหนาวของนอร์เวย์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะที่นี่คือหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ โดยเฉพาะเมืองทรอมโซที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากกว่าที่ไหน ๆ ในยุโรป
ออสเตรียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยบรรยากาศยุโรปคลาสสิก ที่นี่คือบ้านเกิดของโมซาร์ต และเป็นเมืองที่มีมรดกทางดนตรีระดับโลก เวียนนาเป็นเมืองที่มีทั้งพระราชวังเชินบรุนน์ ถนนวงแหวนที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ และโรงอุปรากรที่ยังคงจัดแสดงดนตรีคลาสสิกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศยุโรปยุคเก่า ต้องไปฮัลล์สตัทท์ หมู่บ้านริมทะเลสาบที่มีวิวภูเขาสูงตระหง่าน หรือซาลซ์บูร์ก เมืองที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยที่ยังคงกลิ่นอายของยุโรปในอดีต
กรุงปรากเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ยังคงสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป สะพานชาร์ลส์เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาเดินชมวิวแม่น้ำวัลตาวา และถ่ายรูปกับรูปปั้นนักบุญเก่าแก่ ปราสาทปรากเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นจุดชมวิวเมืองที่ดีที่สุด ย่านเมืองเก่าของปรากมีจัตุรัสกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสไตล์โกธิก บารอก และเรอเนสซองส์ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ที่นี่เป็นเมืองที่เดินเล่นได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ
โปรตุเกสเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีตรอกแคบ ๆ และรถรางสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ ปอร์โตมีแม่น้ำที่สวยงามและเป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดัง ส่วนชายฝั่ง Algarve เต็มไปด้วยชายหาดที่น้ำทะเลใสแจ๋ว คนที่รักอาหารทะเลต้องห้ามพลาดบาคาเลา (ปลาคอดแห้ง) และขนมทาร์ตไข่ต้นตำรับ Pastel de Nata ที่มีรสชาติเข้มข้นและหอมมัน
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพราะมีทั้งน้ำตกขนาดใหญ่ ธารน้ำแข็ง และภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น บ่อน้ำพุร้อน Blue Lagoon เป็นหนึ่งในจุดที่นักท่องเที่ยวต้องไปแช่ และถ้าโชคดี อาจได้เห็นแสงเหนือที่สว่างไสวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เส้นทางวงแหวน (Ring Road) เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่พาขับรถชมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ได้ครบในเส้นทางเดียว มีทั้งหาดทรายดำที่วิก น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ และธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ที่นี่เป็นปลายทางที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปอีกโลกหนึ่ง
อิตาลีคือปลายทางที่รวมทุกอย่างที่คนรักการเดินทางต้องการ ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ อาหาร และบรรยากาศเมืองเก่าแบบคลาสสิกที่หาจากที่ไหนไม่ได้ กรุงโรมเต็มไปด้วยโบราณสถานระดับตำนาน เช่น โคลอสเซียม วิหารแพนธีออน และน้ำพุเทรวี เมืองฟลอเรนซ์คือสวรรค์ของคนรักศิลปะที่มีพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่ ซึ่งเก็บผลงานระดับโลกของเลโอนาร์โด ดาวินชี และมิเคลันเจโล เวนิสเป็นเมืองที่ไม่มีถนน มีแค่คลองและเรือกอนโดลาที่พายพานักท่องเที่ยวชมสถาปัตยกรรมสุดโรแมนติก ส่วนเนเปิลส์คือแหล่งกำเนิดพิซซ่าแท้ ๆ ที่ต้องลองให้ได้สักครั้ง ถ้าอยากได้วิวทะเลแบบพรีเมียม ต้องไปชายฝั่งอมาลฟี ที่ขึ้นชื่อเรื่องหมู่บ้านสีสันสดใสที่ตั้งเรียงตัวบนหน้าผาริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สวิตเซอร์แลนด์ไม่ใช่แค่ประเทศที่มีวิวสวย แต่ยังเป็นที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิทาน เทือกเขาแอลป์เต็มไปด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี เช่น จุงเฟราและแมทเทอร์ฮอร์น เมืองลูเซิร์นมีสะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในยุโรปอย่าง Chapel Bridge ที่สะท้อนอยู่ในน้ำของทะเลสาบลูเซิร์นได้อย่างสวยงาม เมืองเลาเทอร์บรุนเนินเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำตกหลายสายและภูเขาสูงชัน ถ้าอยากได้ประสบการณ์สุดหรู ลองขึ้นรถไฟ Glacier Express ที่พาผ่านวิวภูเขา ธารน้ำแข็ง และหุบเขาที่สวยเหมือนฉากในหนัง
ฝรั่งเศสไม่ได้มีดีแค่หอไอเฟล แต่ยังเต็มไปด้วยเมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน บอร์กโดซ์เป็นเมืองที่โด่งดังเรื่องไวน์ระดับโลก มีไร่องุ่นกว้างสุดลูกหูลูกตาที่เปิดให้เข้าไปลองชิมไวน์ได้ นีซเป็นเมืองริมทะเลที่มีน้ำทะเลสีฟ้าใสและชายหาดที่เต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารสุดชิลล์ มงแซงมิเชลเป็นเมืองเก่าที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล ซึ่งจะมีถนนเดินไปยังปราสาทบนยอดเขาเฉพาะตอนที่น้ำลด ในแคว้นโพรวองซ์ มีทุ่งลาเวนเดอร์ที่ผลิบานในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ทำให้ทั่วทั้งภูมิภาคเต็มไปด้วยสีม่วงและกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์
สเปนคือประเทศที่เต็มไปด้วยพลังและสีสันของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มาดริดเป็นเมืองที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และความทันสมัยได้อย่างลงตัว มีพระราชวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและย่านช้อปปิ้ง Gran Via ที่เต็มไปด้วยร้านค้า บาร์เซโลนาเป็นบ้านของซากราดา ฟามิเลีย วิหารที่ใช้เวลาสร้างมายาวนานกว่า 100 ปี แต่ยังไม่เสร็จดี และสวนกูเอลล์ที่มีสีสันสดใส ส่วนเซบียาคือเมืองต้นกำเนิดของระบำฟลาเมงโก ที่ยังคงมีโชว์เต้นแบบดั้งเดิมให้ชมทุกคืน และถ้าอยากกินอาหารสเปนแบบต้นตำรับ ต้องลองปาเอยา อาหารทะเลที่หุงพร้อมข้าวปรุงเครื่องเทศแบบเข้มข้น
เนเธอร์แลนด์คือประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคลองและสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่นักเดินทางทั่วโลกหลงรัก เพราะมีทั้งพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ย่านโคมแดง และตลาดดอกไม้ลอยน้ำที่มีชื่อเสียง ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองเล็ก ๆ ฮาร์เลมเป็นตัวเลือกที่ดี มีถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านเบเกอรี่และคาเฟ่น่ารัก ๆ หมู่บ้านกีธูร์นคือที่ที่ไม่มีถนน รถยนต์เข้าไม่ได้ คนที่นี่ใช้เรือพายแทนการเดินทาง ทำให้ทั้งหมู่บ้านดูเงียบสงบและเป็นธรรมชาติ สวนเคอเคนฮอฟเป็นที่ที่คนรักดอกไม้ต้องไป เพราะมีทุ่งดอกทิวลิปกว้างสุดลูกหูลูกตาที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ก่อนจะคิดเรื่องแพลนเที่ยว ต้องเช็กก่อนว่าสามารถเข้าประเทศที่ต้องการได้ไหม ถ้าเป็นประเทศในกลุ่ม เชงเก้น (Schengen Zone) ต้องยื่นขอ วีซ่าเชงเก้น ซึ่งใช้เข้าออกได้หลายประเทศในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และสเปน การยื่นวีซ่าต้องใช้เอกสารเยอะพอสมควร เช่น แผนการเดินทาง ประกันเดินทาง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และใบจองที่พัก ควรเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อให้มีเวลาจัดการเรื่องเอกสารได้ทัน
ตั๋วเครื่องบินไปยุโรปสามารถจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 6-10 เดือน เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ควรเลือกสนามบินที่เป็นจุดศูนย์กลาง เช่น ปารีส ลอนดอน หรือแฟรงก์เฟิร์ต เพราะมีไฟล์ทบินเยอะและอาจได้ราคาถูกกว่าสนามบินเล็ก ๆ ถ้าแพลนจะเดินทางข้ามประเทศ การใช้รถไฟความเร็วสูงเช่น Eurail Pass หรือสายการบินโลว์คอสต์ เช่น Ryanair, EasyJet อาจช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มาก
ยุโรปมี 4 ฤดู ซึ่งแต่ละช่วงให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน
ในยุโรปมีที่พักหลายแบบ ตั้งแต่โฮสเทลราคาประหยัดไปจนถึงโรงแรมหรู ถ้าเดินทางคนเดียวหรืออยากเซฟงบ โฮสเทลและ Airbnb เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้ามีแพลนเที่ยวหลายเมือง การจองที่พักใกล้ สถานีรถไฟหรือใจกลางเมือง จะช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้น อย่าลืมเช็กรีวิวจากผู้เข้าพักจริงก่อนจอง
ยุโรปใช้ สกุลเงินยูโร (€) เป็นหลัก แต่บางประเทศใช้เงินของตัวเอง เช่น สวิตเซอร์แลนด์ (CHF) หรืออังกฤษ (GBP) ควรแลกเงินสดติดตัวไปพอประมาณ ส่วนใหญ่ยุโรปใช้ บัตรเครดิตและเดบิต ได้แทบทุกที่ แต่ควรมีเงินสดไว้สำหรับจ่ายค่ารถไฟ ร้านเล็ก ๆ หรือร้านอาหารที่ไม่รับบัตร
ถ้าเดินทางหลายประเทศ แนะนำให้ซื้อ eSIM หรือซิมโรมมิ่ง เพราะใช้ได้ครอบคลุมกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนซิมบ่อย หรือจะใช้ Wi-Fi ฟรีตามร้านกาแฟและโรงแรมก็ได้ แต่ถ้าอยากสะดวกตลอดทริป ให้เลือกซิมยุโรปที่ใช้ได้หลายประเทศ เช่น Orange Holiday Europe หรือ Three UK
จำเป็นมาก! บางประเทศในยุโรปบังคับให้มีประกันเดินทางตอนขอวีซ่า และที่สำคัญ หากเกิดอุบัติเหตุ หรือป่วยกะทันหัน ค่ารักษาในยุโรปแพงมาก อาจถึงหลักแสนบาท ประกันเดินทางของ insurverse มีตัวเลือกเริ่มต้นเพียง 59 บาทต่อทริป และครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล กระเป๋าหาย ไฟล์ทดีเลย์ ซื้อไว้เผื่อฉุกเฉิน ดีกว่าต้องจ่ายค่ารักษาเองแบบไม่ทันตั้งตัว
ทุกประเทศที่นำเสนอมานี้เต็มไปด้วยความงดงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้แต่ละที่มีเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกัน วางแผนเที่ยวดี ๆ แล้วไปสัมผัสด้วยตัวเองกันเลย
การยื่นขอวีซ่าเชงเก้นควรทำล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนเดินทาง เพราะบางช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ คิวอาจยาวและต้องรอผลนาน เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม ได้แก่ แผนการเดินทาง ประกันเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และใบจองที่พัก
แต่ละฤดูมีเสน่ห์แตกต่างกัน ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศคึกคัก ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศเย็นสบายและค่าครองชีพถูกลง ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) เป็นช่วงชมแสงเหนือและตลาดคริสต์มาส ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) เหมาะกับการชมดอกไม้บาน เช่น ทุ่งทิวลิปในเนเธอร์แลนด์
แม้ว่ายุโรปจะใช้บัตรเครดิตและเดบิตได้แทบทุกที่ แต่ควรมีเงินสดติดตัวไว้สำหรับค่ารถไฟใต้ดิน ร้านอาหารเล็ก ๆ หรือสถานที่ที่ไม่รับบัตร โดยปกติควรแลกเงินสดติดตัวไปประมาณ 200-300 ยูโรต่อทริป และใช้บัตรสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
แนะนำให้ใช้ eSIM หรือซิมโรมมิ่งที่ใช้ได้หลายประเทศ เช่น Orange Holiday Europe หรือ Three UK ซึ่งสะดวกกว่าเปลี่ยนซิมตามประเทศที่เดินทางไป ถ้าเดินทางระยะสั้น Wi-Fi ฟรีในโรงแรมหรือคาเฟ่ก็เป็นทางเลือกที่ดี
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินยูโรทุกประเทศ แม้ว่าส่วนใหญ่ในยุโรปจะใช้เงินยูโร (€) แต่บางประเทศใช้สกุลเงินของตัวเอง เช่น สวิตเซอร์แลนด์ใช้ฟรังก์สวิส (CHF) อังกฤษใช้ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ควรเช็กข้อมูลประเทศที่ไปก่อนแลกเงิน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ทาวน์เฮ้าส์มือสองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีบ้าน แต่ไม่อยากแบกรับภาระราคาสูงของบ้านใหม่ นอกจากจะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าแล้ว
เวลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบินคือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว
การตั้งศาลพระภูมิในบ้านเป็นเรื่องของความเชื่อและจิตใจที่ช่วยเสริมสิริมงคลให้กับผู้อยู่อาศัย