vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง สำรวจธรรมชาติอันงดงามแบบจัดเต็ม

เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง สำรวจธรรมชาติอันงดงามแบบจัดเต็ม

schedule
share

ไอซ์แลนด์ไม่ได้เป็นแค่ดินแดนแห่งความหนาวเย็น แต่เป็นเหมือนโลกคู่ขนานที่ธรรมชาติจัดเต็มทั้งภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง และหาดทรายดำสุดลึกลับ ใครที่มองหาประสบการณ์แบบเหนือธรรมดา ที่ไม่ได้แค่ “มาเที่ยว” แต่เหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกมิติ บอกเลยว่าต้องจัดไอซ์แลนด์ให้ติดท็อปลิสต์ นี่แหละที่ทำให้คนหลงรักประเทศเล็ก ๆ ที่ธรรมชาติจัดใหญ่แบบนี้

ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull Glacier)

ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลไม่ได้มีแค่ความใหญ่โต แต่มันคือโลกอีกใบที่ซ่อนภูเขาไฟกว่า 10 ลูกไว้ใต้ชั้นน้ำแข็งหนา ๆ หนึ่งในนั้นคือภูเขาไฟกริมส์วอตน์ที่เคยระเบิดครั้งใหญ่ในปี 2011 ส่งผลให้น้ำท่วมฉับพลันหรือ “Jökulhlaup” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หายากที่เกิดจากน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว จนท่วมพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าสดใสที่เปลี่ยนรูปร่างทุกปีเพราะการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็ง ซึ่งใครอยากสำรวจต้องเดินทางพร้อมไกด์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

การไปสำรวจธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลที่ต้องเดินทางพร้อมไกด์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากความสนุกยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย แต่ถ้าอยากเที่ยวแบบไร้กังวล จัดประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมจาก insurverse ติดตัวไว้ เบี้ยเริ่มต้นแค่ 59 บาท แต่ให้ความคุ้มครองแบบเต็มแม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลหรือเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ

น้ำตกเดตตี้ฟอสส์ (Dettifoss Waterfall)

น้ำตกเดตตี้ฟอสส์ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ด้วยแรงน้ำประมาณ 193 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ความแรงขนาดนี้ทำให้เกิดการกัดเซาะพื้นหินรอบ ๆ จนมีร่องลึกที่สามารถเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากในภาพยนตร์ไซไฟอย่าง Prometheus อีกด้วย เสียงน้ำตกสามารถได้ยินชัดเจนจากระยะไกลถึง 1 กิโลเมตร เป็นประสบการณ์สุดขั้วที่คนรักธรรมชาติต้องไม่พลาด

บลูลากูน (Blue Lagoon)

แหล่งน้ำร้อนกลางธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นผลพลอยได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Svartsengi ที่น่าสนใจคือ แร่ธาตุในน้ำ เช่น ซิลิกาและซัลเฟอร์ มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคผิวหนัง เช่น สะเก็ดเงิน ทำให้ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่จุดแช่น้ำธรรมดา แต่ยังเป็นสถานที่บำบัดสุขภาพอีกด้วย น้ำในบลูลากูนถูกเปลี่ยนทุก ๆ 48 ชั่วโมงเพื่อรักษาความสะอาด ใครที่มาเยือนยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่พัฒนาจากน้ำที่นี่กลับไปเป็นของฝากได้อีก

ทะเลสาบโจกุลซาลอน (Jökulsárlón Glacier Lagoon)

ทะเลสาบน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ บางก้อนมีอายุยาวนานนับพันปี สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษคือเสียงของน้ำแข็งที่ค่อย ๆ แตกและลอยไปตามกระแสน้ำ เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบแต่น่าประทับใจ ทะเลสาบแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับมหาสมุทรผ่านแม่น้ำสั้น ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นแมวน้ำและนกทะเลที่มาหาอาหารในบริเวณนี้

หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara Black Sand Beach)

หาดทรายดำที่โด่งดังระดับโลก เกิดจากการเย็นตัวของลาวาภูเขาไฟที่ปะทะกับน้ำทะเลจนกลายเป็นทรายละเอียด ความพิเศษอีกอย่างคือเสาหินบะซอลต์ที่ตั้งเรียงกันเป็นชั้นเหมือนบันไดธรรมชาติ เสาหินเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ยังเป็นที่อยู่ของนกทะเลอย่างนกพัฟฟินในช่วงฤดูร้อน ระวังเรื่องคลื่นที่แรงมากจนมีคำเตือนให้นักท่องเที่ยวไม่เดินเข้าใกล้เกินไปเพื่อความปลอดภัย

การเดินเล่นบนหาดทรายดำที่มาพร้อมคลื่นแรงอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเพื่อความมั่นใจ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง ก่อนออกเดินทางกับ insurverse ที่คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุและกระเป๋าเดินทางเสียหาย

ภูเขาเคิร์กจูเฟล (Kirkjufell Mountain)

ภูเขาที่เป็นเหมือนไอคอนของไอซ์แลนด์ ด้วยรูปร่างที่คล้ายหมวกแม่มด ทำให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ภูเขาจะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน และถ้าคุณโชคดี อาจได้เห็นแสงเหนือที่พาดผ่านภูเขานี้ในคืนฟ้าเปิด ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดัง Game of Thrones ในฉากที่เกี่ยวข้องกับ “Arrowhead Mountain” ซึ่งเพิ่มความขลังให้กับสถานที่แห่งนี้

ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล (Crystal Ice Cave)

ถ้ำน้ำแข็งที่เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเป็นประจำทุกปี สีฟ้าใสของน้ำแข็งที่นี่ไม่ใช่แค่ความงาม แต่ยังบ่งบอกถึงอายุของน้ำแข็งที่ถูกบีบอัดมานานนับพันปี คุณสามารถเดินเข้าไปชมได้ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เพราะถ้ำน้ำแข็งมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทุกปี การเข้าชมจึงต้องมีไกด์นำทางเพื่อความปลอดภัย

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir National Park)

ธิงเวลลีร์เป็นทั้งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ จุดเด่นคือรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือ ที่สามารถดำน้ำหรือสนอร์เกิลในรอยแยกซิลฟรา (Silfra Fissure) ได้ น้ำในซิลฟรานั้นใสจนสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 100 เมตร นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ไวกิ้งเคยใช้จัดประชุมสภาแห่งชาติครั้งแรกของโลกในปี ค.ศ. 930

น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss Waterfall)

น้ำตกที่มีละอองน้ำฟุ้งกระจายจนเกิดสายรุ้งได้เกือบตลอดเวลาในวันที่มีแดด บริเวณด้านล่างน้ำตกมีความเชื่อในท้องถิ่นว่า มีหีบทองคำของชาวไวกิ้งถูกซ่อนอยู่ในโพรงหิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันได 370 ขั้นเพื่อชมวิวจากด้านบนของน้ำตก และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเขายอดนิยม Fimmvörðuháls

หาดไดมอนด์ (Diamond Beach)

หาดไดมอนด์ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบโจกุลซาลอน จุดเด่นคือก้อนน้ำแข็งที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาบนหาดทรายดำ จนดูเหมือนเพชรที่กระจัดกระจายเต็มหาด ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้สะท้อนแสงแดดระยิบระยับในช่วงกลางวัน และถ้าคุณมาในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดิน จะได้ภาพที่สวยงามราวกับโปสต์การ์ด

https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Iceland#/media/File:Vista_de_Reikiavik_desde_Perlan,_Distrito_de_la_Capital,_Islandia,_2014-08-13,_DD_118-120_HDR.JPG

10 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเที่ยวไอซ์แลนด์

1. ไอซ์แลนด์ไม่ได้หนาวตลอดปี

อย่าเพิ่งคิดว่าไอซ์แลนด์จะเย็นเจี๊ยบจนแข็งทั้งปี ความจริงแล้วหน้าร้อนที่นี่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 10-15 องศาเซลเซียส มีแสงแดดจ้าและพระอาทิตย์เที่ยงคืนเป็นไฮไลต์ แต่ถ้าชอบฟีลหนาวจับใจแบบได้เห็นหิมะขาวโพลน ช่วงหน้าหนาวคือคำตอบ

2. น้ำก๊อกที่นี่ดื่มได้เลย

น้ำในไอซ์แลนด์สะอาดระดับท็อป ใช้ก๊อกน้ำที่ไหลออกมาก็ดื่มได้เลยแบบไม่ต้องลังเล ที่สำคัญคือมันสดชื่นเพราะมาจากธารน้ำแข็งโดยตรง แต่ถ้าก๊อกไหนมีกลิ่นซัลเฟอร์หน่อย ๆ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะมาจากน้ำร้อนธรรมชาติ

3. ระบบไฟฟ้าสุดล้ำจากพลังงานธรรมชาติ

ไอซ์แลนด์ใช้พลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติถึง 85% ทั้งพลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังน้ำ นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้วยังทำให้น้ำร้อนในที่พักแทบทุกแห่งมีใช้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรอ

4. ไม่มีมดหรือยุงในไอซ์แลนด์

เชื่อไหมว่าในไอซ์แลนด์ไม่มีแมลงที่ทำให้คุณหงุดหงิดใจ เพราะอากาศเย็นและลมแรงจัดทำให้ยุงและมดอยู่ไม่ได้เลย! ใครเบื่อการโดนกัดตามแขนขา บอกเลยว่าที่นี่สบายตัวสุด

5. แสงเหนือไม่ได้เห็นง่ายทุกวัน

แม้ไอซ์แลนด์จะเป็นจุดยอดฮิตของคนที่อยากล่าแสงเหนือ แต่แสงเหนือไม่ได้ออกมาโชว์ตัวให้เห็นทุกคืน คุณต้องดูพยากรณ์อากาศเรื่องความมืดและความแรงของปรากฏการณ์ Aurora Borealis ก่อนจะได้ชมวิวฟ้าเขียวพาดเต็มตา

6. ถนนวงแหวนหมายเลข 1 สายเดียวเที่ยวได้ทั่วประเทศ

ถนนเส้นนี้ยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร เชื่อมทุกจุดไฮไลต์ในไอซ์แลนด์ ตั้งแต่น้ำตก ธารน้ำแข็ง ไปจนถึงเมืองน่ารัก ๆ เพียงแค่ขับวนตามถนนหมายเลข 1 ก็เหมือนได้เก็บครบทุกแลนด์มาร์ก

7. การตั้งแคมป์คือเรื่องธรรมดา

ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดโอกาสให้คนตั้งแคมป์กลางธรรมชาติได้ง่าย ๆ แต่ควรเลือกพื้นที่ที่มีจุดตั้งแคมป์อย่างถูกกฎหมาย เพราะบางพื้นที่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

8. ค่าใช้จ่ายไม่ได้ถูก

ไอซ์แลนด์จัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ค่าครองชีพสูง แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพชีวิตและประสบการณ์แบบเหนือธรรมดา ถ้าอยากเซฟเงิน ลองเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Bonus หรือ Kronan สำหรับซื้อของกินและของใช้

9. อาหารท้องถิ่นไม่เหมือนใคร

อยากรู้รสชาติของไอซ์แลนด์ต้องลอง Hákarl (ฉลามหมัก) ที่กลิ่นแรงแต่คนท้องถิ่นว่าฟินสุด หรือจะเป็น Skyr โยเกิร์ตเนื้อหนานุ่มที่อร่อยและมีโปรตีนสูง ใครชอบอาหารแปลกใหม่ต้องลองให้ครบ

10. เวลามีแดดต้องรีบถ่ายรูป

อากาศในไอซ์แลนด์เปลี่ยนไวมาก นาทีนี้แดดออก อีกสิบนาทีอาจมีฝนโปรย หรือเมฆจะครึ้มมาบังวิวที่คุณตั้งใจถ่ายไปแล้ว เพราะฉะนั้นเจอวิวสวย รีบคว้ากล้องถ่ายไว้ก่อนเลย!

ถ้าอ่านจบแล้วยังลังเลว่าจะไปไอซ์แลนด์ดีไหม ลองหลับตานึกภาพตัวเองยืนบนหาดทรายดำที่ล้อมรอบด้วยน้ำแข็ง หรือมองแสงเหนือที่พาดผ่านภูเขาเคิร์กจูเฟล แค่คิดก็รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนใจแล้วใช่ไหม? ธรรมชาติสุดปังแบบนี้คงไม่ต้องคิดเยอะ เตรียมกล้อง เตรียมชุดหนาว แล้วพุ่งตัวไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์กันเลย!

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเที่ยวไอซ์แลนด์

ไปไอซ์แลนด์ช่วงไหนดีที่สุด?

ขึ้นอยู่กับความชอบ หากอยากเห็นแสงเหนือควรไปช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) แต่ถ้าชอบอากาศอบอุ่นพร้อมพระอาทิตย์เที่ยงคืน ให้เลือกช่วงหน้าร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)

เที่ยวไอซ์แลนด์ต้องเตรียมงบประมาณเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับทริป 7 วันอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 70,000 บาท ครอบคลุมค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร และการเดินทางในประเทศ

จำเป็นต้องเช่ารถในไอซ์แลนด์ไหม?

การเช่ารถเป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะช่วยให้เดินทางได้สะดวกและเข้าถึงจุดท่องเที่ยวสำคัญที่รถสาธารณะไม่ถึง โดยเฉพาะถนนวงแหวนหมายเลข 1

แสงเหนือที่ไอซ์แลนด์เห็นได้ทุกคืนหรือเปล่า?

ไม่แน่นอน แสงเหนือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ความมืด และพยากรณ์ปรากฏการณ์ Aurora Borealis ควรเช็กข้อมูลล่วงหน้าก่อนวางแผน

น้ำในไอซ์แลนด์ดื่มได้จริงไหม?

น้ำก๊อกในไอซ์แลนด์สะอาดและดื่มได้ทันที เพราะมาจากธารน้ำแข็งโดยตรง แต่ถ้าเป็นน้ำร้อนอาจมีกลิ่นซัลเฟอร์ที่เกิดจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย