vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เจาะลึกปัญหายางบวม เกิดจากอะไร ขับต่อได้ไหม

เจาะลึกปัญหายางบวม เกิดจากอะไร ขับต่อได้ไหม

schedule
share

ปัญหายางบวม คือในสิ่งที่ผู้ใช้รถเป็นประจำอาจพบเจอ โดยเฉพาะในรถที่ฝืนใช้จนเลยอายุการใช้งานยาง แต่รู้กันหรือไม่ว่า ยางรถบวม เป็นหนึ่งในปัญหาสุดอันตราย ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จนต้องเรียกประกันภัยรถยนต์กันมานักต่อนักแล้ว และในวันนี้ insurverse เราจะพาไปดูถึงสาเหตุทั้งหมด ที่ทำให้เกิดอาการยางบวม รวมไปถึงเกร็ดความรู้ต่าง ๆ อีกมากมายกัน

สาเหตุที่ทำให้ยางบวม เกิดจากอะไร

ผู้ใช้รถหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ยางบวมเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง นอกจากใช้งานเกินอายุของยาง เราจะพามาดูสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ยางรถบวมกัน 

ขับเบียดหรือตกหลุมรุนแรง

การขับเบียด หรือตกหลุมอย่างรุนแรง เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ยางรถบวมอย่างไม่รู้ตัว เพราะโครงสร้างยางนั้นจะเป็นเส้นลวดที่ถักทออยู่ภายใน เหมือนเวลาที่เราเคยเห็นยางฉีกขาดเป็นเส้น ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เลยทำให้การเบียด หรือกระแทกอย่างรุนแรงกับตัวยาง จะทำให้โครงสร้างเกิดความเสียหาย และมีอาการบวมเกิดขึ้น 

ยางเสื่อมสภาพ

การใช้งานยางเกินอายุ หรือฝืนขับต่อเพราะคิดว่ายังเบรกได้เหมือนเดิม และไม่ได้ใช้วิ่งออกต่างจังหวัดไกล ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ยางรถบวม ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะยางทุกเส้น จะมีอายุการใช้งานตามมาตรฐานที่ 40,000 – 50,000 กม. หรือจะอยู่ที่ 3.5 – 4 ปี เท่านั้น โดยจะนับตั้งแต่วันที่ล้อเริ่มลงแตะพื้นถนน 

บรรทุกของหนักเกินไป

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ยางบวม ก็คือการบรรทุกน้ำหนักที่มากจนเกินไป ซึ่งผู้ใช้รถเก๋งซีดานส่วนใหญ่อาจจะไม่มีปัญหานี้ แต่เรามักจะพบเห็นจากรถกระบะส่งของเป็นส่วนใหญ่ ที่บรรทุกน้ำหนักเกินมาตรฐาน จึงทำให้รถเกิดยางบวม และแตกจนเกิดอุบัติเหตุในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างมากในการใช้รถ 

ยางเคยซ่อมอุดรอยรั่วมาก่อน 

หากยางเคยมีอาการรั่วซึมมาก่อน แม้จะเคยปะซ่อมแซมมาแล้ว แต่หากเป็นการซ่อมแซมที่บริเวณท้องยาง โอกาสที่ยางจะมีความชื้นเข้าไปภายใน และทำให้เส้นลวดที่เป็นเหล็กมีโอกาสเกิดสนิม จนทำให้โครงสร้างยางเกิดความเสียหายได้ในระยะยาว และทำให้ยางรถบวมขึ้นมานั่นเอง 

รถที่ยางบวม จะมีอาการอย่างไร

รถที่ยางบวม จะมีอาการอย่างไร

รถที่ยางบวม จะสังเกตเห็นได้ชัดที่บริเวณแก้มยาง ไม่ว่าจะเป็นรอยนูนเล็ก ๆ ไปจนถึงรอยขนาดใหญ่แบบลูกมะนาว ก็ล้วนมีความอันตรายในการใช้งานทั้งสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่สามารถจับอาการได้อย่างแน่ชัดในระหว่างขับ จึงจำเป็นอย่างมากในการตรวจดูที่บริเวณล้อทุกครั้ง เมื่อต้องการใช้งานรถเพื่อเดินทาง 

มีวิธีแก้ยางบวมหรือเปล่า

วิธีแก้ยางบวมนั้นไม่มี และเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมาก เพราะยางรถที่บวมไปแล้ว คือสัญญาณเตือนสุดอันตราย ที่กำลังบ่งบอกว่า โครงสร้างยางเกิดความเสียหายอย่างหนัก และไม่ปลอดภัยในการใช้งานอีกต่อไป จึงควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ในการใช้งานทันที 

ยางรถบวม ขับต่อได้ไหม

ยางรถบวม ไม่ควรขับต่ออย่างมาก เพราะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเวลา ทางที่ดีควรหารีบหาที่เปลี่ยนยางให้เร็วที่สุด หรือหากจำเป็นจะต้องขับไปร้านยางจริง ๆ ก็ควรใช้ความเร็วต่ำ และใช้ช่องจราจรทางด้านซ้ายเพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด  

ควรใช้รถอย่างไร ให้ปลอดภัยจากปัญหายางบวม

เมื่อรู้กันถึงสาเหตุ และปัญหายางบวมกันไปหมดแล้ว ทีนี้เราจะพามาดูวิธีการใช้รถกันบ้างว่า ควรขับหรือดูแลแบบไหนให้ห่างไกลอาการยางบวมมากที่สุด เรามาดูกัน 

  • เติมลมยางให้เหมาะสม : การเติมลมยางให้อยู่ในค่ามาตรฐาน จะช่วยให้ใช้งานยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสยางบวมได้ค่อนข้างมาก ซึ่งค่ามาตรฐานในการเติมลมยาง ก็จะมีแปะอยู่ที่ข้างประตูรถฝั่งคนขับนั่นเอง
  • สลับยางตามระยะที่กำหนด : การสลับยางทุก 10,000 กม. จะช่วยให้หน้ายางเกิดการสึกหรอที่เท่ากัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้น รวมไปถึงโอกาสในการตรวจเช็กสภาพยางไปในตัว ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ด้วยว่ายางนั้นพร้อมใช้แค่ไหน 
  • ขับด้วยความระมัดระวัง : พฤติกรรมการขับขี่ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ หากเจอถนนที่ไม่ค่อยดี มีความเป็นหลุมเป็นบ่อ ก็ควรลดความเร็วลงในเส้นทางนั้น ๆ และหลบหลีกเท่าที่จะทำได้ โดยไม่เกิดอันตรายในการขับ เพราะปัญหาที่ทำให้ยางบวมส่วนใหญ่ ก็มีสาเหตุมาจากการขับรูดทางขรุขระ ที่ไม่เพียงแต่จะทำร้ายยางรถยนต์ แต่ยังทำร้ายช่วงล่างในระยะยาวด้วยเช่นกัน 

สรุปบทความ เจาะลึกปัญหายางบวม เกิดจากอะไร ขับต่อได้ไหม

ผู้ใช้รถน่าจะเห็นได้ว่า ยางบวม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงสำคัญอย่างมาก ที่จะต้องตรวจเช็กสภาพยางทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้รถยางบวม จนเกิดเป็นอุบัติเหตุในภายหลัง ที่อาจจะรุนแรงได้ และอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คนมีรถต้องไม่ละเลย ก็คือ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันชั้น 2+  กับ insurverse ที่ผู้ใช้รถสามารถเลือกปรับแต่งกรมธรรม์ได้เอง จึงตอบโจทย์เงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)