รถน้ำมันหมดกลางทาง หนึ่งในปัญหาที่คนใช้รถต้องเจอสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดขับ หรือขับรถมานานแล้วก็ตาม แต่อาจจะเผลอลืมดูเกจ์วัดระดับน้ำมัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีรถก็ดับไปซะก่อนแล้ว หรือบางคนอาจจะวิ่งขึ้นทางด่วน แล้วไม่ได้กะระยะทางมาดีพอ จนสุดท้ายก็ไปไม่ถึงปั๊ม และจอดตายอยู่ข้างทางแทน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นมา วิธีรับมือต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนั้นสำคัญมาก วันนี้ insurverse เรามีข้อมูลในการรับมือน้ำมันรถหมดกลางทางมาฝากกัน
รถน้ำมันใกล้หมด ดูได้จากสัญลักษณ์แจ้งเตือนบนแผงหน้าปัด ที่จะขึ้นเป็นรูปหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนกันทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์จากค่ายไหนก็ตาม และส่วนมากมักจะแจ้งเตือนเมื่อน้ำมันเหลือต่ำกว่า 10 ลิตร เพื่อให้ผู้ใช้รถรู้ว่า จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันโดยด่วน
หากน้ำมันเหลือ 1 ขีด แต่ยังไม่มีไฟกะพริบ หรือสัญลักษณ์แจ้งเตือนบนแผงหน้าปัด จะยังวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 100 กม. โดยจะขึ้นอยู่กับอัตราบริโภคน้ำมันของรถแต่ละรุ่น ซึ่งยังไม่ใช่จุดที่น่ากังวลในการขับทางไกลมากนัก หากเป็นในช่วงตอนกลางวัน
หากน้ำมันเหลือ 0 หรือหมายถึงขึ้นไฟกะพริบ ตัวเลขโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 40 – 50 กม. แต่ถ้าอยากคิดให้แม่นยำจริง ๆ ก็ต้องดูที่อัตราบริโภคเชื้อเพลิงของรถเราเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น รถเรามีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ 15 กม. / ลิตร หากวิ่งได้ตามนี้จริง น้ำมันที่เหลือเพียง 10 ลิตร ก็จะวิ่งได้ระยะทางราว ๆ 120 – 150 กม. แต่ควรเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่านี้ก็ได้ จึงไม่ควรรอให้สุดจริง ๆ แต่หาปั๊มน้ำมันเติมเลยเมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้จะปลอดภัยกว่า
เมื่อทราบเรื่องระยะทางกันไปแล้ว เราก็มี 4 วิธีรับมือน้ำมันรถหมดกลางทางมาฝากกัน สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตัวเราตอนอยู่ข้างนอก มาดูกันเลยดีกว่า
เมื่อรถน้ำมันหมดกลางทาง ความเร็วในขณะขับจะค่อย ๆ ตกลง จึงควรประคองรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย โดยไม่จอดกีดขวางการจราจร และเปิดไฟผ่าหมากแจ้งเตือน
เมื่อรถไปต่อไม่ได้ ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนในละแวกนั้น จะเป็นคนผ่านไปมา หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ โดยให้ช่วยขับพาไปซื้อน้ำมันจากปั๊มมาเติมชั่วคราว เพื่อให้รถสามารถขับไปถึงปั๊มได้อย่างปลอดภัย
หากรถน้ำมันหมดในทางเปลี่ยว หรือเป็นช่วงตอนกลางคืน ที่ดูแล้วขอความช่วยเหลือได้ยาก การโทรเบอร์ฉุกเฉิน คือทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานส่งความช่วยเหลือมาให้ โดยมากจะเป็นการแจ้งไปยังปั๊มน้ำมัน เพื่อนำน้ำมันมาช่วยเติมให้ที่รถ ซึ่งเบอร์ที่ควรเซฟเก็บไว้ มีดังนี้
ทางออกสุดท้าย สำหรับคนที่อยู่ห่างไกลจากปั๊มน้ำมัน และอยากได้รับความช่วยเหลือไวหน่อย การโทรหาบริการรถลากจูง ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยนำรถไปยังปั๊มน้ำมันได้เร็วขึ้น และปลอดภัยอีกด้วย แต่ค่าใช้จ่ายก็จะค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน
การปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยมีโอกาสทำให้ปั๊มติ๊กพังเร็วจริง เพราะปั๊มติ๊กมีหน้าที่ดูดน้ำมันป้อนไปยังระบบเชื้อเพลิง ดังนั้น หากน้ำมันเหลือน้อยเกินไป จะทำให้ปั๊มติ๊กเกิดความร้อนสูง จากการไม่มีน้ำมันหล่อเลี้ยงไว้ และทำพังเร็วขึ้นกว่าเดิม จึงไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือต่ำกว่า ¼ ของถัง
น้ำมันรถหมดกลางทาง สามารถโทรเรียกประกันได้แน่นอน แต่ประกันที่ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นบริการรถลากจูง เปลี่ยนแบตเตอรี่นอกสถานที่ หรือเติมน้ำมันให้ในกรณีแบบนี้ จะมีเพียงประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 เพียงเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การทำประกันชั้นอื่นไว้ ก็ยังสามารถโทรปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือได้ตามปกติ เพื่อให้ทางบริษัทประกันภัยช่วยประสานเรื่องให้ได้
ผู้ใช้รถน่าจะรู้กันแล้วนะว่า เมื่อเกิดปัญหารถน้ำมันหมดกลางทาง จะต้องรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไรบ้าง รวมไปถึงข้อมูลด้านระยะทาง ที่เราสามารถขับต่อได้เมื่อขึ้นสัญลักษณ์แจ้งเตือนบนแผงหน้าปัด ที่คนใช้รถน่าจะรู้กันดีว่า เมื่อขึ้นไฟกะพริบแจ้งเตือนเมื่อไหร่ ก็ควรขับรถเข้าปั๊มน้ำมันทันที ไม่ต้องรอให้ใกล้หมดจนหยดสุดท้ายจะดีที่สุด ส่วนคนมีรถที่กำลังมองหาที่ต่อประกัน ต้องที่ insurverse เท่านั้น เพราะเราเป็นประกันออนไลน์เจ้าแรกในไทย ที่ให้ผู้ใช้รถสามารถปรับแต่งกรมธรรม์ได้ตามต้องการ ตอบโจทย์ความคุ้มครองได้ตรงใจมากที่สุด ภายใต้การดูแลของเครือทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้ง (TIPH)
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
แหนบรถยนต์ช่วยรองรับน้ำหนัก ดูดซับแรงกระแทก และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ รู้จักหน้าที่ของแหนบและวิธีดูแลจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน
ปีกนกรถยนต์อยู่ใต้ท้องรถกว่าที่จะรู้ว่ามีปัญหาก็อาจทำให้ความเสียหายลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ ของช่วงล่าง ควรตรวจเช็กตามระยะและเปลี่ยนอะไหล่ตามวงรอบ
รู้สัญญาณเตือนก่อนถ่านรีโมทรถยนต์จะหมด พร้อมแนะนำเลือกถ่านรีโมทแบบไหนให้เหมาะกับรุ่นรถและควรทำอย่างไรหากถ่านรีโมทหมดกะทันหัน