• บทความ
• keyboard_arrow_right
• ประกันรถยนต์

ติดฟิล์มรถยนต์เลือกอย่างไรให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณ

           การติดฟิล์มรถยนต์ช่วยป้องกันความร้อนและเพิ่มความเป็นส่วนตัว การศึกษาข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนติดฟิล์มจะช่วยให้เลือกฟิล์มได้คุ้มค่า 

ติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูกคุ้มค่าหรือควรระวัง

           ในปัจจุบันการติดฟิล์มรถยนต์มีหลากหลายราคาตั้งแต่ระดับพอใช้งานจนถึงคุณภาพสูง ผู้ใช้หลายคนอาจสงสัยว่าฟิล์มราคาถูกคุ้มค่าหรือไม่ และควรระวังอะไรเมื่อเลือกใช้ฟิล์มประเภทนี้ 

ข้อดีและข้อเสียของฟิล์มราคาถูก

• ข้อดี ฟิล์มประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด เหมาะกับการใช้งานระยะสั้น โดยจะมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง
• ข้อเสีย ฟิล์มราคาถูกมักมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้น้อยกว่าฟิล์มคุณภาพสูง ทั้งยังเสื่อมคุณภาพเร็วกว่า

ความแตกต่างระหว่างฟิล์มราคาถูกและฟิล์มคุณภาพสูง

           การเลือกฟิล์มรถยนต์ไม่ควรดูแค่ราคา เพราะฟิล์มแต่ละประเภทมีความแตกต่างที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความทนทาน 

• ฟิล์มราคาถูก มักทำจากฟิล์มย้อมสีซึ่งป้องกันแสงแดดได้ระดับพื้นฐาน แต่ไม่ทนต่อความร้อนสูง จึงมีความทนทานต่ำกว่า ป้องกันรังสียูวีและความร้อนได้น้อย และอาจเกิดปัญหาฟิล์มซีดจางหรือเปลี่ยนสี
• ฟิล์มคุณภาพสูง ผลิตจากเซรามิกหรือโลหะที่เคลือบชั้นฟิล์มอย่างดี ช่วยสะท้อนความร้อนและกรองรังสียูวีได้สูง ช่วยให้การป้องกันความร้อนและรังสียูวีที่ดี ช่วยลดอุณหภูมิในรถ อายุการใช้งานยาวนาน

ฟิล์มรถยนต์มีกี่แบบ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับรถเรา

           การเลือกติดฟิล์มรถยนต์ที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของฟิล์ม คุณภาพแบรนด์ และลักษณะของรถยนต์ เพื่อให้คุณได้ฟิล์มที่เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณของคุณ

• ฟิล์มย้อมสี ฟิล์มประเภทนี้มีราคาถูกที่สุด ผลิตโดยการย้อมสีในเนื้อฟิล์มเพื่อช่วยลดความสว่างของแสงแดดที่ส่องเข้ามา มีข้อดีคือราคาถูก ลดแสงได้ แต่ไม่ทนต่อความร้อนและรังสียูวี
• ฟิล์มโลหะ มีการเคลือบชั้นโลหะในเนื้อฟิล์มเพื่อช่วยสะท้อนความร้อน ข้อดีคือป้องกันความร้อนได้ดี แต่มีข้อด้อยในเรื่องที่อาจรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เช่น GPS และสัญญาณโทรศัพท์
• ฟิล์มเซรามิก ฟิล์มรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเซรามิกแทนโลหะ ป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้ดีที่สุด ไม่รบกวนสัญญาณ แต่มีราคาสูงกว่าฟิล์มประเภทอื่น

ติดฟิล์มรถยนต์ราคาเท่าไหร่ 

ราคาติดฟิล์มรถยนต์มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับประเภทของฟิล์ม คุณภาพของแบรนด์ และขนาดของรถยนต์ที่ติดตั้ง โดยทั่วไปราคาติดฟิล์มสามารถแบ่งตามประเภทฟิล์มและคุณสมบัติได้ดังนี้

– ราคาตามประเภทของฟิล์ม

• ฟิล์มย้อมสีจะมีราคาถูกที่สุด ประมาณ 2,500 – 4,000 บาท สำหรับการติดฟิล์มรอบคัน 
• การติดฟิล์มโลหะราคาอยู่ที่ 5,000 – 8,000 บาท  
• การติดฟิล์มรถยนต์เซรามิกจะมีราคาสูงที่สุด โดยฟิล์มเซรามิกคุณภาพสูงอาจมีราคามากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป

– ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาติดฟิล์ม

           นอกจากประเภทของฟิล์มที่มีผลต่อราคาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ขนาดของรถยนต์ ซึ่งรถที่มีขนาดใหญ่กว่าจะมีค่าติดฟิล์มที่แพงกว่า และยี่ห้อของฟิล์มติดรถยนต์ก็มีส่วนสำคัญ โดยยี่ห้อฟิล์มชั้นนำ เช่น 3M, Hi-Kool, Lamina และ V-Kool มักมีราคาสูง 

เคล็ดลับในการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อติดฟิล์มรถยนต์

1. เลือกช่วงเวลาที่มีโปรโมชั่นหรือส่วนลด

           การติดฟิล์มรถยนต์ในช่วงเวลาที่มีโปรโมชั่นหรือส่วนลดเป็นวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ โดยร้านติดฟิล์มมักจัดโปรโมชั่นในช่วงต่าง ๆ  การตรวจสอบโปรโมชั่นจากร้านติดฟิล์มหลายแห่ง ทั้งร้านในพื้นที่และร้านค้าออนไลน์จะช่วยให้ได้โปรที่คุ้มค่าที่สุด

2. ดูแลรักษาฟิล์มเพื่อยืดอายุการใช้งาน

           ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีเช็ดฟิล์ม ควรใช้น้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ โดยใช้ผ้าเนื้อนุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ในการเช็ดเพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนบนฟิล์ม หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดเป็นระยะเวลานาน เพราะแม้ฟิล์มจะทนความร้อน แต่การจอดรถกลางแดดโดยไม่มีการป้องกันจะทำให้ฟิล์มเสื่อมสภาพเร็ว

           การติดฟิล์มรถยนต์มีประโยชน์หลักคือการลดความร้อนภายในรถยนต์ ป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง รวมถึงเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การเลือกฟิล์มที่เหมาะสมควรพิจารณาจากงบประมาณ ความต้องการ และคุณภาพขอฟิล์มที่จะนำมาติดด้วย นอกจากนี้การทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ หากเกิดอุบัติเหตุทำให้กระจกแตกหรือร้าว ยังสามารถเคลมประกันควบคู่กับการได้ติดฟิล์มใหม่โดยที่ไม่ต้องจ่ายเองอีกด้วย ถือเป็นเคล็ดลับในการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อต้องติดฟิล์มรถยนต์ได้อีกทาง