vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เที่ยวจอร์เจียเดือนไหนดี? เช็คสภาพอากาศและกิจกรรมเด็ดแบบครบทุกฤดู!

เที่ยวจอร์เจียเดือนไหนดี? เช็คสภาพอากาศและกิจกรรมเด็ดแบบครบทุกฤดู!

schedule
share

จอร์เจียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว ทุ่งดอกไม้บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือชายหาดสุดชิลล์ในฤดูร้อน ทำให้จอร์เจียกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์นักเดินทางทุกสไตล์ แต่การเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตาม ความปลอดภัยต้องมาก่อน insurverse ประกันเดินทางต่างประเทศที่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็มในราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นแค่ 59 บาทต่อทริป จะช่วยให้ทุกทริปของคุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเจอไฟลท์ดีเลย์หรือกระเป๋าเดินทางเสียหาย ก็มีทีมซัพพอร์ตพร้อมช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง

มกราคม – กุมภาพันธ์ สวรรค์ของคนรักหิมะและสกี

ใครที่ชอบอากาศหนาวแบบจัดเต็ม ช่วงนี้แหละใช่เลย เพราะจอร์เจียในช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์คือฤดูหนาวเต็มตัว อุณหภูมิลดต่ำถึง -2 ถึง 5 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในเมืองทบิลิซีและแถบภูเขาคอเคซัสที่หิมะปกคลุมไปทั่ว เหมาะสำหรับกิจกรรมสกีและสโนว์บอร์ดแบบจุใจ ที่สุดของความมันส์ต้องไปที่รีสอร์ต Gudauri ที่นี่มีลานสกีสำหรับทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่หัดไถลไปจนถึงระดับโปร อย่าลืมพกเสื้อผ้ากันหนาวแบบจัดหนัก เพราะลมหนาวที่นี่ไม่ปรานีใคร!

มีนาคม – เมษายน ฤดูใบไม้ผลิที่สีสันเริ่มกลับมา

เมื่อหิมะเริ่มละลายและดอกไม้เริ่มบาน ช่วงมีนาคมถึงเมษายนคือเวลาที่จอร์เจียเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 15 องศาเซลเซียส เมืองทบิลิซีและเมืองบาโตมิสวยงามด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่บานสะพรั่ง การเดินเล่นในสวนสาธารณะและสำรวจเมืองเก่าในอากาศเย็นสบายเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาด นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ทำให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศท้องถิ่นแบบแท้จริง

พฤษภาคม – มิถุนายน ฤดูร้อนเบา ๆ กับการผจญภัยกลางแจ้ง

พอเข้าสู่พฤษภาคมถึงมิถุนายน อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้น อยู่ที่ประมาณ 15 ถึง 25 องศาเซลเซียส ช่วงนี้เหมาะกับการเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้งแบบจัดเต็ม เช่น การปีนเขาที่ Kazbegi หรือการล่องแพในแม่น้ำ Rioni ในภูมิภาค Samegrelo อากาศอุ่นแต่ไม่ร้อนจนเกินไป ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติได้แบบไม่เหนื่อยง่าย นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ตลาดท้องถิ่นเต็มไปด้วยผลไม้สดใหม่อย่างเชอร์รี่และแอปริคอตที่ห้ามพลาด

กรกฎาคม – สิงหาคม ร้อนสุดในปี แต่ทะเลบาโตมิก็รออยู่

ถ้าใครชอบแสงแดดและทะเล ช่วงกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี่แหละที่ควรปักหมุด อุณหภูมิจะพุ่งไปถึง 30 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในเมืองทบิลิซีที่อาจจะร้อนอบอ้าว แต่ไม่ต้องห่วง เพราะชายหาดที่เมืองบาโตมิและทะเลดำจะช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี นั่งชิลล์ริมชายหาด หรือเล่นน้ำในทะเลสาบใกล้ ๆ ก็ฟินไม่แพ้กัน ที่สำคัญ ช่วงนี้ยังเป็นเทศกาลดนตรีและงานกลางแจ้งมากมาย เหมาะกับสายปาร์ตี้สุด ๆ

กันยายน – ตุลาคม ฤดูใบไม้ร่วงสุดโรแมนติก

เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในช่วงกันยายนถึงตุลาคม อุณหภูมิเริ่มเย็นลง อยู่ที่ประมาณ 12 ถึง 20 องศาเซลเซียส ต้นไม้เปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม และเหลือง สวยงามจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรัว ๆ แนะนำให้ไปที่ Kakheti ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชื่อดังของจอร์เจีย ช่วงนี้จะตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นพอดี สามารถเข้าร่วมกิจกรรมเก็บองุ่นและชิมไวน์สดใหม่ได้แบบจุใจ นอกจากนี้ยังเหมาะกับการเดินเล่นในเมืองเก่าและสำรวจสถาปัตยกรรมโบราณในบรรยากาศเย็นสบาย

พฤศจิกายน – ธันวาคม เตรียมตัวต้อนรับหิมะและเทศกาล

ปลายปีคือช่วงที่อากาศเริ่มหนาวอีกครั้ง อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 2 ถึง 10 องศาเซลเซียส และหิมะเริ่มตกบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภูเขาคอเคซัส ช่วงนี้เหมาะกับการเยี่ยมชมตลาดคริสต์มาสในเมืองทบิลิซี ที่เต็มไปด้วยแสงไฟและของตกแต่งสุดน่ารัก หรือถ้าอยากสัมผัสหิมะแบบเต็มอิ่มก็สามารถไปที่รีสอร์ต Gudauri ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่เหมาะกับการลองอาหารท้องถิ่นแบบอุ่น ๆ อย่าง Khinkali และ Khachapuri ที่จะทำให้ลืมความหนาวไปเลย

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการวางแผนเที่ยวจอร์เจีย

  • ฤดูหนาว (มกราคม-กุมภาพันธ์): เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวและรองเท้าสำหรับหิมะให้พร้อม เพราะอากาศหนาวมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขา
  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน): เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความแออัด เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก
  • ฤดูร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม): ควรพกครีมกันแดดและหมวก เพราะแดดแรง โดยเฉพาะในเมืองทบิลิซีที่อาจจะร้อนอบอ้าว
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม): เหมาะกับการเที่ยวชมธรรมชาติและเข้าร่วมเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นใน Kakheti

ไม่ว่าจะเลือกไปช่วงไหน จอร์เจียก็มีเสน่ห์และกิจกรรมที่หลากหลายรอให้คุณไปสัมผัส!

10 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนไปเที่ยวจอร์เจีย

  1. จอร์เจียฟรีวีซ่า 365 วันสำหรับคนไทย
    ใครที่มีพาสปอร์ตไทยไม่ต้องห่วงเรื่องวีซ่า เพราะจอร์เจียให้ฟรีวีซ่าแบบจัดเต็มอยู่ได้ถึง 1 ปีเต็ม! สบายใจหายห่วง เที่ยวได้ยาว ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารให้วุ่นวาย
  2. ค่าใช้จ่ายไม่แรงอย่างที่คิด
    จอร์เจียเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ค่าครองชีพไม่สูงมาก ค่าอาหาร ที่พัก หรือการเดินทางภายในประเทศถือว่าถูกกว่าเที่ยวในยุโรปตะวันตกหลายเท่า อาหารจานหลักเริ่มต้นแค่ไม่กี่ดอลลาร์ แถมรสชาติยังดีงามสุด ๆ
  3. สกุลเงินที่ใช้คือ Lari (GEL)
    แม้จะอยู่ใกล้กับยุโรปแต่จอร์เจียไม่ได้ใช้ยูโร ที่นี่ใช้เงินลารี (GEL) เตรียมแลกเงินไว้ให้พร้อม หรือใช้บัตรเครดิตได้ในเมืองใหญ่ แต่ถ้าไปต่างจังหวัดหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ควรพกเงินสดติดตัวไว้บ้าง
  4. ระบบขนส่งสะดวก ใช้รถไฟใต้ดินและรถบัสได้ง่าย
    ในเมืองทบิลิซีมีรถไฟใต้ดินที่ครอบคลุมหลายเส้นทาง ค่าโดยสารถูกมาก ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองสามารถใช้รถบัส หรือ Marshrutka (รถตู้ท้องถิ่น) ที่ไปได้แทบทุกที่ สะดวกและราคาย่อมเยา
  5. อาหารจอร์เจียต้องลอง ไม่งั้นถือว่าพลาด
    อาหารจอร์เจียมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เช่น Khinkali (เกี๊ยวซุปยักษ์) และ Khachapuri (ขนมปังยัดไส้ชีส) รสชาติเข้มข้นถูกใจสายกินแน่นอน ที่สำคัญอาหารที่นี่มักเสิร์ฟจานใหญ่ คุ้มค่าเกินราคา
  6. ภาษาอังกฤษพอใช้ได้ แต่ภาษาท้องถิ่นคือจอร์เจีย
    คนจอร์เจียในเมืองใหญ่พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยว แต่ถ้าไปนอกเมือง ภาษาอังกฤษอาจจะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ แนะนำให้เรียนรู้คำพื้นฐานอย่าง “Hello” (Gamarjoba) และ “Thank you” (Madloba) ติดตัวไว้
  7. ปลั๊กไฟแบบยุโรป เตรียมอะแดปเตอร์ให้พร้อม
    ปลั๊กไฟในจอร์เจียใช้แบบสองขากลมเหมือนยุโรปส่วนใหญ่ แรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220V ถ้าใช้ปลั๊กแบบอื่นต้องพกอะแดปเตอร์ไปด้วย ไม่งั้นอาจจะชาร์จอุปกรณ์ไม่ได้นะ
  8. น้ำประปาที่นี่ดื่มได้ในบางพื้นที่
    ในเมืองทบิลิซีและเมืองใหญ่ น้ำประปาสามารถดื่มได้ แต่ถ้าไปพื้นที่ห่างไกลหรือต่างจังหวัด แนะนำให้ซื้อขวดน้ำดื่มเพื่อความปลอดภัย หรือพกขวดกรองน้ำติดตัวไปด้วยจะชัวร์กว่า
  9. ฤดูท่องเที่ยวมีผลกับราคาที่พักและตั๋วเดินทาง
    ช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) และฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะ ราคาที่พักและตั๋วโดยสารอาจจะสูงขึ้น แนะนำให้จองล่วงหน้า หรือเลือกไปช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วงเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด
  10. ไวน์จอร์เจียคือที่สุดของโลก
    จอร์เจียถือเป็นแหล่งกำเนิดไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการทำไวน์มานานกว่า 8,000 ปี ถ้าได้มาเที่ยวที่นี่ ห้ามพลาดการลองไวน์ท้องถิ่น โดยเฉพาะในแถบ Kakheti ที่เป็นแหล่งปลูกองุ่นชั้นยอด การไปทัวร์โรงบ่มไวน์ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ห้ามพลาด!

ไม่ว่าคุณจะเลือกไปจอร์เจียช่วงฤดูไหน ความสวยงามและกิจกรรมสุดมันส์รอคุณอยู่แน่นอน แต่เพื่อให้การเที่ยวครั้งนี้สนุกแบบไม่สะดุด อย่าลืมเช็กเบี้ยประกันเดินทางจาก insurverse ที่คุ้มครองครบตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาลไปจนถึงการดูแลกรณีไฟลท์ล่าช้า หรือกระเป๋าเดินทางเสียหาย จะเที่ยวสั้น ๆ หรือจัดทริปยาวทั้งปี ก็มีแผนความคุ้มครองให้เลือกตามใจ แถมยังซื้อออนไลน์ง่าย ๆ พร้อมปรับแผนได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง เที่ยวสบายใจได้ทุกที่ทั่วโลก!

5 คำถามที่พบบ่อย 

จอร์เจียปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวหรือไม่?

จอร์เจียถือเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ผู้คนเป็นมิตรและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ดี อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังทรัพย์สินในที่สาธารณะและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ขัดแย้งเช่น เขตใกล้ชายแดนกับรัสเซีย

เดินทางในจอร์เจียควรเช่ารถหรือใช้ขนส่งสาธารณะ?

การเดินทางในจอร์เจียสามารถใช้ขนส่งสาธารณะได้สะดวกในเมืองใหญ่ เช่น รถไฟใต้ดินในทบิลิซี แต่ถ้าต้องการสำรวจธรรมชาติหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ การเช่ารถจะช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการไปเทือกเขาคอเคซัส

ฤดูไหนเหมาะกับการไปเที่ยวไวน์ทัวร์ในจอร์เจีย?

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) เป็นช่วงที่เหมาะกับการไปเที่ยวไวน์ทัวร์ในแถบ Kakheti เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวองุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเก็บองุ่นและชิมไวน์สดจากไร่ได้

จอร์เจียใช้อินเทอร์เน็ตและซิมการ์ดแบบไหน?

ซิมการ์ดสำหรับนักท่องเที่ยวหาซื้อได้ง่ายตามสนามบินและร้านสะดวกซื้อในเมืองใหญ่ ผู้ให้บริการยอดนิยมคือ Magti, Geocell และ Beeline ซึ่งมีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ

ควรเตรียมเสื้อผ้าแบบไหนไปจอร์เจีย?

เสื้อผ้าขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เดินทางไป ถ้าไปช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหนา ๆ และอุปกรณ์กันหิมะ ส่วนฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) เน้นเสื้อผ้าเบา ๆ ระบายอากาศดี พร้อมหมวกและครีมกันแดด สำหรับฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง แนะนำเสื้อผ้าหนาแบบพอดีและแจ็กเก็ตกันลม

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย