vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
แผ่นดินไหวคืออะไร? วิธีป้องกันและเตรียมตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์

รับมือแผ่นดินไหวยังไงให้เอาตัวรอด เพิ่มความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวแม้เกิดวิกฤติ

schedule
share

แผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรู้วิธีหลบภัยในช่วงที่เกิดแรงสั่นสะเทือน การเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน หรือแม้แต่การวางแผนอพยพล่วงหน้า เพราะความพร้อมคือกุญแจสำคัญในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์วิกฤติ 

และสำหรับใครที่วางแผนเดินทางไปต่างประเทศ การมีประกันเดินทางจาก insurverse ก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบไหน คุณก็จะมีการซัพพอร์ตที่พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เที่ยวสนุกได้แบบไม่ต้องกังวล

เตรียมชุดฉุกเฉิน ของที่ต้องมีติดบ้านเสมอ

การเตรียมชุดฉุกเฉินสำหรับแผ่นดินไหวไม่ใช่แค่การเก็บข้าวของใส่ถุงเฉย ๆ แต่เป็นการวางแผนเพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ชุดฉุกเฉินควรจัดให้พร้อมใช้งานทันที และอยู่ในที่ที่หยิบจับได้ง่ายในเวลาที่ทุกวินาทีมีค่า

  1. น้ำดื่มสะอาด: อย่างน้อย 3 ลิตรต่อคนต่อวัน สำหรับการใช้งาน 3 วันขึ้นไป น้ำดื่มเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะการเข้าถึงน้ำสะอาดอาจเป็นไปได้ยากหลังแผ่นดินไหว
  2. อาหารที่ไม่เน่าเสียง่าย: อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือขนมที่ให้พลังงานสูง พร้อมอุปกรณ์เปิดกระป๋องที่ไม่ใช้ไฟฟ้า
  3. ไฟฉายและแบตเตอรี่สำรอง: ไฟอาจดับได้ทันทีหลังแผ่นดินไหว ไฟฉายที่มีแบตเตอรี่สำรองหรือแบบชาร์จมือหมุนจะช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้
  4. วิทยุพกพา: เพื่อรับข่าวสารจากหน่วยงานรัฐหรือองค์กรช่วยเหลือ โดยเฉพาะวิทยุที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือพลังงานแสงอาทิตย์
  5. ชุดปฐมพยาบาล: รวมถึงยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวด พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าพันแผล และน้ำยาฆ่าเชื้อ
  6. เอกสารสำคัญ: สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร และเงินสดในจำนวนพอสมควร เก็บไว้ในซองกันน้ำ
  7. เสื้อผ้าและผ้าห่มเพิ่มเติม: เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศ และผ้าห่มที่ให้ความอบอุ่นได้ดี
  8. อุปกรณ์สื่อสาร: โทรศัพท์มือถือพร้อมแบตเตอรี่สำรองและที่ชาร์จแบบพกพา
  9. เครื่องมือเอนกประสงค์: เช่น มีดพก คีม และเชือกที่สามารถใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้

เมื่อแผ่นดินไหวเริ่มขึ้น ควรทำอะไรบ้าง?

แผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ดังนั้นการรู้ว่าต้องทำอะไรทันทีที่รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนสามารถช่วยชีวิตได้

  • อยู่ในที่ปลอดภัยทันที: หากอยู่ในอาคาร ให้รีบหลบใต้โต๊ะหรือเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรง ป้องกันศีรษะและคอด้วยแขนหรือหมอน ไม่ควรอยู่ใกล้หน้าต่างหรือชั้นวางของที่อาจล้มลงมา
  • หากไม่มีที่หลบซ่อน: ย่อตัวลงกับพื้นและใช้แขนป้องกันศีรษะและคอ ควรอยู่ห่างจากสิ่งของที่อาจตกลงมาได้
  • ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด: ลิฟต์อาจติดค้างหรือหยุดทำงานระหว่างแผ่นดินไหว การใช้บันไดเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า แต่ควรรอจนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุดลงก่อน
  • ถ้าอยู่นอกอาคาร: ยืนอยู่ในที่โล่ง ห่างจากอาคาร ต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า หรือสิ่งก่อสร้างที่อาจพังทลายได้
  • ถ้าอยู่ในรถ: จอดรถในที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงสะพานหรืออุโมงค์ และอยู่ในรถจนกว่าการสั่นจะหยุดลง เปิดวิทยุฟังข่าวสารและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่

หลังจากแผ่นดินไหว ตรวจสอบและระวังอาฟเตอร์ช็อก

แม้ว่าแผ่นดินไหวหลักจะจบลง แต่อาฟเตอร์ช็อกหรือแรงสั่นสะเทือนตามมาสามารถเกิดขึ้นได้หลายครั้งและมีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้โครงสร้างที่เสียหายพังทลายลงมาได้

  • ตรวจสอบตัวเองและคนรอบข้าง: ตรวจดูว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและขอความช่วยเหลือหากจำเป็น
  • ระวังการรั่วไหลของก๊าซ: หากได้กลิ่นก๊าซหรือได้ยินเสียงฟู่ ให้ปิดวาล์วทันทีและออกจากอาคาร ห้ามใช้ไฟแช็กหรืออุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ
  • ระมัดระวังไฟฟ้าลัดวงจร: ตรวจสอบสายไฟที่เสียหายหรือหลุดออกจากผนัง หากพบความผิดปกติควรปิดสวิตช์ไฟฟ้าทั้งหมดทันที
  • อย่ารีบกลับเข้าอาคาร: รอการประกาศจากเจ้าหน้าที่ว่าปลอดภัยก่อนกลับเข้าไปในอาคารที่เสียหาย
  • ติดตามข่าวสาร: ฟังวิทยุหรือเช็กข่าวออนไลน์เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับอาฟเตอร์ช็อกและสถานการณ์ในพื้นที่

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดแผ่นดินไหว

การตัดสินใจที่ผิดพลาดในช่วงเวลาที่ตื่นตระหนกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ นี่คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด

  • อย่าวิ่งออกจากอาคารทันที: การออกจากอาคารขณะเกิดการสั่นสะเทือนอาจเสี่ยงต่อการโดนเศษซากตึกถล่มหรือตกลงมา ควรรอจนกว่าการสั่นจะหยุดแล้วจึงออกจากอาคารอย่างระมัดระวัง
  • อย่าอยู่ใกล้หน้าต่างหรือกระจก: กระจกที่แตกสามารถทำอันตรายได้มาก ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีหน้าต่างหรือประตูแก้ว
  • อย่าใช้ลิฟต์: ลิฟต์อาจหยุดทำงานหรือติดค้างระหว่างชั้น ซึ่งอาจทำให้คุณติดอยู่ภายในในสถานการณ์ที่อันตราย
  • อย่าใช้ไฟแช็กหรือจุดไฟ: อาจมีก๊าซรั่วในบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งการจุดไฟอาจทำให้เกิดการระเบิดได้
  • อย่ารีบโทรออกถ้าไม่จำเป็น: เครือข่ายโทรศัพท์อาจล่มหรือมีการใช้งานอย่างหนัก ใช้โทรศัพท์เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด่วนสามารถติดต่อได้

แผนการอพยพ ทุกครอบครัวควรมี

การมีแผนอพยพที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ กำหนดเส้นทางอพยพจากบ้านหรือที่ทำงาน และเลือกจุดนัดพบกับครอบครัวหากต้องแยกกัน นอกจากนี้ยังควรมีการซ้อมแผนอพยพเป็นระยะเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไรในสถานการณ์จริง

โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร

ในยุคดิจิทัล โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่เต็มและมีแอปพลิเคชันสำหรับรับการแจ้งเตือนภัยพิบัติ นอกจากนี้ควรมีที่ชาร์จพกพาไว้เสมอ เผื่อกรณีไฟดับนานหลายวัน

ช่วยเหลือผู้อื่นหลังแผ่นดินไหว

หลังจากแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว การช่วยเหลือคนอื่นเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ ตรวจสอบว่ามีใครติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือไม่ และให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นถ้าจำเป็น แต่ควรระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย อย่าพยายามยกวัตถุหนักโดยไม่มีเครื่องมือหรือความช่วยเหลือเพียงพอ

เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นได้อย่างไร?

แผ่นดินไหวไม่ได้เป็นแค่การสั่นสะเทือนของพื้นดินเฉย ๆ แต่มันเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานที่สะสมในเปลือกโลกออกมาอย่างกะทันหัน การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกที่ชนกัน เลื่อนผ่านกัน หรือแยกออกจากกัน สามารถสร้างแรงกดดันมหาศาลจนทำให้เกิดการแตกหักของหินใต้ดิน ส่งผลให้พลังงานถูกปลดปล่อยในรูปแบบของคลื่นไหวสะเทือน หรือที่เราเรียกกันว่า “แผ่นดินไหว”

ความลึกมีผลต่อความแรงของแผ่นดินไหวไหม?

รู้ไหมว่าแผ่นดินไหวไม่ใช่แค่เรื่องของขนาด (Magnitude) เท่านั้น แต่ความลึกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว (Hypocenter) ก็มีบทบาทสำคัญ แผ่นดินไหวตื้นที่อยู่ใกล้ผิวโลกมักจะสร้างความเสียหายมากกว่าแผ่นดินไหวที่เกิดลึกลงไป แม้ว่าจะมีขนาดใกล้เคียงกัน เพราะแรงสั่นสะเทือนจะถูกส่งผ่านมาถึงพื้นผิวโลกได้มากกว่าและเร็วกว่า

คลื่นแผ่นดินไหวมีกี่ประเภท?

คลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ

  1. คลื่น P (Primary Waves): คลื่นแรกที่เดินทางผ่านโลกได้เร็วที่สุด สามารถเคลื่อนที่ผ่านทั้งของแข็ง ของเหลว และก๊าซ มันคือคลื่นที่เรารู้สึกได้ก่อนเสมอ
  2. คลื่น S (Secondary Waves): คลื่นที่มาในลำดับถัดไป เคลื่อนที่ช้ากว่าคลื่น P และไม่สามารถผ่านของเหลวได้ ทำให้มันหยุดเมื่อเจอชั้นนอกของแกนโลกที่เป็นของเหลว
  3. คลื่นพื้นผิว (Surface Waves): คลื่นนี้เดินทางบนผิวโลก สร้างความเสียหายได้มากที่สุดเพราะมีการเคลื่อนไหวทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง

ทำไมบางพื้นที่ถึงเกิดแผ่นดินไหวบ่อยกว่าที่อื่น?

โลกของเราแบ่งออกเป็นแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา พื้นที่ที่อยู่ตามขอบแผ่นเปลือกโลก หรือที่เรียกว่า “เขตมุดตัว” และ “เขตแผ่นดินไหว” จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น เช่น บริเวณวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) รอบมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีภูเขาไฟและแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในขณะที่พื้นที่กลางแผ่นเปลือกโลกจะมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวน้อยกว่า

การรู้วิธีรับมือแผ่นดินไหวไม่ใช่แค่เรื่องของการเอาตัวรอดในขณะเกิดเหตุเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเตรียมความพร้อมก่อนหน้าและดูแลตัวเองหลังจากนั้นด้วย ทุกขั้นตอนสำคัญและสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บหรือสูญเสียได้ 

และถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเดินทาง อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง จาก insurverse เพราะจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แค่ไหน ทั้งไฟลท์ดีเลย์ กระเป๋าหาย หรือแม้แต่เหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ คุณก็จะมีทีมพร้อมช่วยเหลือทันที เที่ยวได้เต็มที่ในทุกเส้นทางอย่างอุ่นใจ

5 คำถามที่พบบ่อย

จะรู้ได้อย่างไรว่าแผ่นดินไหวกำลังจะเกิดขึ้น?

แม้แผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือน แต่บางครั้งอาจมีแรงสั่นสะเทือนเล็ก ๆ หรือเสียงแปลก ๆ จากโครงสร้างอาคารที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวสามารถเกิดขึ้นซ้ำในที่เดิมได้บ่อยแค่ไหน?

บางพื้นที่ที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกอาจเกิดแผ่นดินไหวได้บ่อยครั้ง ส่วนพื้นที่อื่น ๆ อาจมีช่วงเวลาห่างกันนานหลายปีหรือหลายสิบปี

แผ่นดินไหวมีผลต่อระบบสาธารณูปโภคอย่างไรบ้าง?

แผ่นดินไหวสามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา และการสื่อสาร ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟดับ น้ำไม่ไหล หรือการติดต่อสื่อสารถูกตัดขาดชั่วคราว

อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใดที่ช่วยในการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวได้บ้าง?

มีแอปพลิเคชันและระบบเตือนภัยล่วงหน้าในหลายประเทศที่สามารถแจ้งเตือนแผ่นดินไหวได้ไม่กี่วินาทีก่อนเกิดเหตุจริง เช่น ระบบ ShakeAlert ในสหรัฐอเมริกา

การฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหวควรทำบ่อยแค่ไหน?

ควรฝึกซ้อมอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวหรือองค์กรรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและคุ้นเคยกับแผนการอพยพในสถานการณ์จริง

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย