ลาสเวกัส เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงและความบันเทิงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนสุดหรู การแสดงโชว์สุดอลังการ หรือบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไม่เคยหลับใหล แต่ก่อนจะลุยทริปสุดมันส์แบบนี้ อย่าลืมเช็กเบี้ยประกันเดินทางกับ insurverse ที่ให้คุณปรับแผนความคุ้มครองได้เองตามใจ เลือกได้ตามสไตล์การเดินทาง ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมทุกขั้นตอนก็ทำได้ง่าย ๆ ออนไลน์ 100% จะอยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ทันที ไม่มีอะไรสะดุดความสนุกของคุณแน่นอน!
The Strip คือหัวใจของลาสเวกัสที่เต็มไปด้วยโรงแรมหรู คาสิโนสุดอลังการ และการแสดงแสงสีเสียงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถนนสายนี้ยาวประมาณ 6.8 กิโลเมตร แต่ละก้าวที่เดินผ่านเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่โรงแรมสุดหรูอย่าง Bellagio ที่มีการแสดงน้ำพุเต้นระบำสุดอลังการ ไปจนถึง Venetian ที่จำลองคลองเวนิสให้คุณได้ล่องเรือกอนโดลาแบบไม่ต้องบินไปอิตาลี
แต่ละโรงแรมไม่ได้เป็นแค่ที่พัก เพราะแต่ละแห่งมีธีมและการตกแต่งเฉพาะตัว เช่น Caesars Palace ที่ยกกรุงโรมโบราณมาไว้กลางทะเลทราย หรือ Paris Las Vegas ที่มีหอไอเฟลจำลองสูงกว่า 140 เมตร ถ้าอยากสัมผัสความตื่นเต้นแบบเต็มพิกัด ต้องลองขึ้น The High Roller ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งให้มุมมอง 360 องศาของเมืองแห่งแสงสีนี้
Fremont Street เป็นย่านเก่าแก่ของลาสเวกัสที่ถูกปรับโฉมให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิป ด้วยหลังคา LED ขนาดยักษ์ที่ทอดยาวกว่า 460 เมตร การแสดงแสงสีเสียงที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน และทุกค่ำคืนจะมีการแสดงสดจากวงดนตรีท้องถิ่นที่มาสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา
นอกจากการแสดงแสงสีแล้ว ยังมีกิจกรรมที่ท้าใจอย่าง SlotZilla Zip Line ที่ให้คุณโหนสลิงผ่านใจกลาง Fremont Street ในระยะทางกว่า 800 ฟุต การได้เห็นผู้คนและแสงสีจากมุมสูงแบบนี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีคาสิโนเก่าแก่อย่าง Golden Nugget ที่ยังคงเสน่ห์แบบดั้งเดิมให้ได้สัมผัส
ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายในเมือง ลองแวะไปที่ Red Rock Canyon ซึ่งอยู่ห่างจากลาสเวกัสเพียง 27 กิโลเมตร ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีทิวทัศน์ของหินสีแดงสวยงามตระการตา เส้นทางเดินป่ามีให้เลือกหลากหลายความยากง่าย ตั้งแต่เส้นทางสั้น ๆ สำหรับมือใหม่ จนถึงเส้นทางท้าทายสำหรับนักปีนเขาตัวจริง
หนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความนิยมคือ Calico Tanks Trail ที่จะพาคุณไปยังจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองลาสเวกัสจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เห็นสัตว์ท้องถิ่นอย่างแกะภูเขาและเหยี่ยวทะเลทรายอีกด้วย ถ้าอยากได้ภาพสวย ๆ แนะนำให้มาตอนเช้าหรือเย็น เพราะแสงแดดจะทำให้หินสีแดงดูสดใสและมีมิติมากขึ้น
สำหรับใครที่หลงใหลในศิลปะแบบวินเทจ Neon Museum คือที่ที่ต้องแวะมาเยือน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมป้ายไฟนีออนเก่าจากโรงแรมและคาสิโนชื่อดังในอดีตของลาสเวกัส ที่นี่ไม่ใช่แค่การจัดแสดงป้ายไฟธรรมดา ๆ แต่เป็นการเล่าเรื่องราวของเมืองผ่านแสงสีที่เคยส่องสว่างบนถนน The Strip
การเยี่ยมชมที่นี่จะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านการเดินชมใน “Boneyard” ซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งที่จัดแสดงป้ายไฟนีออนในสภาพเดิม ๆ สำหรับใครที่อยากได้บรรยากาศพิเศษ แนะนำให้มาในช่วงค่ำ เพราะจะมีการเปิดไฟป้ายบางส่วนเพื่อสร้างความรู้สึกย้อนยุคแบบสุด ๆ
Hoover Dam เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ห่างจากลาสเวกัสประมาณ 48 กิโลเมตร เขื่อนแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการผลิตไฟฟ้าและจัดการน้ำในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจด้วยขนาดและการออกแบบ
การเดินเที่ยวรอบเขื่อนจะให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำโคโลราโดและทะเลสาบมีด (Lake Mead) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่เกิดจากการสร้างเขื่อน สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องวิศวกรรม สามารถเข้าร่วมทัวร์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการสร้างและการทำงานของเขื่อนแห่งนี้ได้ด้วย
นอกจากน้ำพุเต้นระบำอันโด่งดัง Bellagio ยังมีสวนดอกไม้ในร่มที่เปลี่ยนธีมตามฤดูกาล ภายใน Conservatory & Botanical Gardens จะมีการตกแต่งด้วยดอกไม้และพืชพรรณที่สวยงาม พร้อมกับการจัดวางศิลปะแบบประณีต ทุกฤดูกาลจะมีการเปลี่ยนธีมใหม่ เช่น ธีมฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยดอกทิวลิป หรือธีมคริสต์มาสที่ประดับด้วยไฟและต้นสนขนาดยักษ์
การเข้าชมที่นี่ไม่เสียค่าใช้จ่าย และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจหลังจากการเดินเที่ยวหรือเล่นคาสิโนมาทั้งวัน นอกจากนี้ยังเป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในลาสเวกัส
ถ้าอยากรู้เรื่องราวด้านมืดของลาสเวกัส The Mob Museum คือสถานที่ที่พลาดไม่ได้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอาชญากรรมและการต่อสู้กับมาเฟียในอเมริกา ผ่านการจัดแสดงที่ทั้งน่าสนใจและให้ความรู้
ที่นี่มีการจัดแสดงเอกสารและวัตถุโบราณจากยุคที่ลาสเวกัสเต็มไปด้วยการควบคุมของแก๊งมาเฟีย รวมถึงมีการจัดแสดงแบบอินเตอร์แอคทีฟที่ให้ผู้เข้าชมได้ลองสัมผัสประสบการณ์เหมือนอยู่ในโลกของอาชญากรรม เช่น การทดลองใช้เครื่องจับเท็จ หรือการจำลองห้องสอบสวน
สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติและสัตว์น้ำ Shark Reef Aquarium ที่ Mandalay Bay คือจุดหมายที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีถังน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาฉลามกว่า 100 ตัว และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เต่าทะเล ปลากระเบน และจระเข้
หนึ่งในไฮไลต์ของที่นี่คืออุโมงค์ใต้น้ำที่ให้คุณเดินผ่านและชมปลาฉลามว่ายอยู่รอบตัว การออกแบบของอควาเรียมทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ดำน้ำอยู่ในท้องทะเลลึกแบบใกล้ชิดสุด ๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว เช่น การให้อาหารสัตว์น้ำและการเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทะเล
Seven Magic Mountains คือศิลปะกลางแจ้งที่สร้างโดยศิลปิน Ugo Rondinone ตั้งอยู่ห่างจากลาสเวกัสประมาณ 16 กิโลเมตร รูปปั้นนี้ประกอบด้วยกองหินขนาดใหญ่ที่ทาสีสดใสเรียงซ้อนกันสูงถึง 10 เมตร การผสมผสานระหว่างธรรมชาติของทะเลทรายและสีสันที่สดใสทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว
แม้ว่าจะเป็นการจัดแสดงชั่วคราว แต่ความนิยมของ Seven Magic Mountains ทำให้มีการขยายเวลาจัดแสดงหลายครั้ง ถ้าคุณชอบศิลปะแนวโมเดิร์นและการถ่ายรูปสวย ๆ นี่คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาด
สำหรับคนที่ชื่นชอบเกมอาเขต Pinball Hall of Fame คือสวรรค์ของคนรักเกมตู้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมเครื่องพินบอลกว่า 200 เครื่องตั้งแต่ยุคคลาสสิกจนถึงยุคใหม่ ทุกเครื่องยังสามารถเล่นได้จริง และรายได้จากการเล่นเกมจะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล
ที่นี่ไม่ใช่แค่ที่สำหรับเล่นเกม แต่ยังเป็นการย้อนเวลาสู่ยุคทองของเกมอาเขต การได้ลองเล่นเครื่องพินบอลจากยุค 50s หรือ 60s จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้กลับไปสมัยเด็กอีกครั้ง แถมยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในการสนุกสนานร่วมกัน
ทริปลาสเวกัสไม่ได้มีดีแค่แสงสีและคาสิโนสุดหรู เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยประสบการณ์สุดมันส์ที่รอให้คุณไปสัมผัส แต่ไม่ว่าคุณจะวางแผนเดินทางกี่ครั้งต่อปี ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความคุ้มครอง เพราะ insurverse มีประกันเดินทางรายปีที่คุ้มครองทั่วโลก ซื้อง่าย ใช้ได้พร้อมกันสูงสุดถึง 15 คน จะยกแก๊งไปเที่ยวกี่รอบก็คุ้ม หรือถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างทริป ทีมซัพพอร์ตพร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง เที่ยวได้เต็มที่แบบไร้กังวล เพราะ insurverse จัดเต็มให้คุณได้ทุกทริป!
นอกจากคาสิโน ลาสเวกัสยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การแสดงโชว์ระดับโลก, ชมวิวจาก High Roller, เดินเล่นย่าน Fremont Street, เที่ยวพิพิธภัณฑ์เช่น Neon Museum และทัวร์ธรรมชาติที่ Red Rock Canyon หรือ Hoover Dam
ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวลาสเวกัสคือฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เพราะอากาศไม่ร้อนจัดเกินไปและเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวชมเมือง
ลาสเวกัสมีระบบขนส่งสาธารณะหลากหลาย เช่น รถบัส RTC, รถราง Monorail และบริการแท็กซี่หรือแอปพลิเคชันเรียกรถอย่าง Uber และ Lyft รวมถึงสามารถเดินเท้าได้สะดวกในย่าน The Strip
งบประมาณขึ้นอยู่กับรูปแบบการท่องเที่ยวของแต่ละคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันสำหรับที่พัก อาหาร และกิจกรรมทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 150-300 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมค่าช้อปปิ้งหรือการเล่นคาสิโน
ลาสเวกัสมีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว เช่น Adventuredome Theme Park, Shark Reef Aquarium ที่ Mandalay Bay, และการแสดงน้ำพุที่ Bellagio รวมถึงทัวร์ธรรมชาติรอบเมืองที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ทาวน์เฮ้าส์มือสองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีบ้าน แต่ไม่อยากแบกรับภาระราคาสูงของบ้านใหม่ นอกจากจะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าแล้ว
เวลาเดินทางไปต่างประเทศ สนามบินคือจุดเริ่มต้นของทุกทริป และบางแห่งไม่ใช่แค่ที่เช็คอินขึ้นเครื่องเท่านั้น แต่ยังอลังการจนต้องร้องว้าว
การตั้งศาลพระภูมิในบ้านเป็นเรื่องของความเชื่อและจิตใจที่ช่วยเสริมสิริมงคลให้กับผู้อยู่อาศัย