รถหายเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าของรถยนต์ไม่อยากเจอ แน่นอนว่าใครๆ ก็ต้องรักรถของตัวเองกันทั้งนั้น ด้วยราคา ไลฟ์สไตล์ และการใช้งานในชีวิตประจำวัน นับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หลายคนขาดไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เราควรทำยังไงดี เพื่อช่วยให้ทุกคนป้องกันตัวจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด insurverse รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ทุกคนต้องรู้ พร้อมช่วยไขข้อสงสัยที่ว่า “รถหายประกันจ่ายไหม” ถ้าอยากรู้ติดตามบทความนี้ได้เลย
แม้ว่าโอกาสที่รถจะหายไม่ได้มีบ่อยขนาดนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดกับตัวเอง พวกเราจึงได้รวบรวมแนวทางการรับมือกับสถานการณ์จริงด้วย 4 วิธีดังนี้
เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ใครๆ ก็ต้องตกใจหรือขวัญเสียเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรกเลยคือ “ตั้งสติ” ควบคุมอารมณ์และความคิดของเราให้ดี เพื่อให้ตัวเองติดหารวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างรอบคอบที่สุด
เมื่อเกิดเหตุควรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันให้ทราบทันที พร้อมกับบริษัทไฟแนนซ์ที่ทำเอาไว้ในกรณีที่เรายังผ่อนไม่หมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับรู้ถึงปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ และประเมินสถานการณ์พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนทันทีโดยไม่ต้องรอนาน
ถัดมาให้ไปแจ้งความกับเจ้าที่ตำรวจที่ สน. ในพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะทำการบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน พร้อมให้เบาะแสต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่แกะรอยหรือติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ นอกจากนั้นเอกสารบันทึกประจำวันยังเป็นหลักฐานสำคัญที่ประกันต้องใช้เพื่อประกอบการเคลมเงินชดเชย
วิธีนี้เป็นการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถช่วยกระจายข่าวเพื่อติดตามเบาะแสรถยนต์ของเราได้ เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยให้เราเจอรถของเราได้ง่ายมากขึ้น เพราะมีพลเมืองดีพร้อมเป็นหูเป็นตาให้กับเรา เช่น
สำหรับประกันที่ครอบคลุมกรณีรถยนต์หายมีทั้งหมด 3 ประเภทดังนี้
เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองขั้นสุดทั้งอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี โดยให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมคือชดเชยความหายจากไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ ถูกโจรกรรม และสูญหาย ให้วงเงินชดเชยตามทุนประกันที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์
ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุจราจร ครอบคลุมความรับผิดชอบทั้งรถยนต์ผู้เอาประกันและคู่กรณี ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมคือ ชดเชยความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม ถูกโจรกรรม และสูญหาย ชดเชยด้วยการจ่ายคืนให้ตามวงเงินทุนประกันเหมือนกับประกันชั้น 1
ประกันชั้น 2 ให้ความคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุจราจรแบบ 2+ เหมือนกัน ต่างกันที่เงื่อนไขความคุ้มครอง รับผิดชอบเฉพาะความเสียหายของรถยนต์คู่กรณี และครอบคลุมความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม ถูกโจกรรม และรถหาย ชดเชยตามวงเงินทุนประกันภัยเช่นเดียวกันชั้น 1 และ 2+
ในกรณีที่ตามรถกลับมาไม่ได้ สามารถเคลมเงินชดเชยได้สูงสุด 80% ของราคารถยนต์ในตลาด โดยมีการหักค่าเสื่อมสภาพของตัวรถไปประมาณ 20% โดยที่ทุนประกันจะถูกกำหนดตามราคารถ ณ วันที่ทำประกัน ตัวอย่างการคิดเงินชดเชย เช่น รถยนต์รุ่น A ราคา 790,000 บาท เงินชดเชยที่จะได้รับเท่ากับ 632,000 บาท ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวงเงินทุนประกันที่ตกลงตามกรมธรรม์ประกันรถยนต์หายนำมาประกอบการชดเชยเป็นหลัก
กรณีได้รถคืนกลับมาหลังจากรับเงินทุนประกันแล้ว เรามีทางเลือก 2 แบบคือ รับรถยนต์คืนพร้อมคืนเงินทุนประกัน หรือ ไม่รับรถคืนเลือกเก็บเงินทุนประกันไว้ หากเลือกรับรถคืนแล้วพบว่ารถยนต์มีความเสียหายบริษัทประกันพร้อมรับผิดชอบซ่อมรถให้กลับสู่สภาพได้ด้วยเช่นกัน
ขอบเขตความคุ้มครองของประกันรถยนต์หายจะเน้นไปที่กรณีถูกชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์เป็นพื้นอยู่แล้ว ในกรณีรถหายทางบริษัทประกันจะพิจารณาจากความประมาทของผู้เอาประกันภัย โดยมีศาลเป็นผู้ช่วยวินิจฉัยว่าเป็นความประมาทเลินเล่อรึเปล่า เช่น จอดรถไว้ในห้างสรรพสินค้าแต่ไม่ได้ล็อกประตูให้เรียบร้อย ลืมกุญแจรีโมตไว้ในรถ จอดรถแล้วในพื้นที่อันตราย กรณีเหล่านี้ประกันจะไม่รับเคลมแต่ถ้าไม่ได้รถคืน ประกันสามารถให้เป็นเงินชดเชยความเสียหายได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
กรณีรถหายระหว่างผ่อนกับไฟแนนซ์ที่เป็นสัญญาเช่าซื้อ อันดับแรกผู้ที่เป็นเจ้าของรถต้องแจ้งระหว่างบริษัทประกันและไฟแนนซ์ก่อน ทางประกันจะเคลมค่ารถตามจำนวนค่างวดที่ผู้เอาประกันคงค้างอยู่แล้วโอนเงินให้กับทางไฟแนนซ์ โดยเงินส่วนต่างจะถูกโอนจากไฟแนนซ์คืนมาให้เรา
สำหรับเจ้าของรถอย่างพวกเรา คงไม่มีใครอยากให้รถยนต์คันโปรดของเราหายไปไหน เพราะเป็นที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของเรา บางคนต้องเก็บออมเงินมาตั้งนานกว่าจะได้รถคู่ใจที่ใช้ทำมาหากิน ดังนั้นเราต้องมีความรอบคอบไม่ประมาณ ถ้าให้ดีทำประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้ด้วย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้หลายเท่าตัวรถหายก็ยังมีเงินชดเชยรองรับอยู่ สนใจประกันรถไว้ใจ insurverse ได้เลย
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินคำว่าตัวเลขถังรถกันมาบ้าง แต่หลายคนที่ใช้รถยนต์อาจยังไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร? แล้วเลขตัวถังรถอยู่ตรงไหน? ไปดู
คนที่ใช้รถยนต์ทุกคนคงเคยประสบปัญหาคราบติดรถรวมทั้งคราบสิ่งสกปรกต่างๆ หากปล่อยไว้นานๆ ไม่รีบดูแล คราบเหล่านั้นก็จะทำลายสีรถยนต์จนกลายเป็นปัญหา
หนึ่งในเรื่องที่คนใช้รถเคยสงสัยกันก็คือ ทางเอก ทางโท ถือว่าเป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่เข้าใจ ว่าอะไรคือทางเอกและอะไรคือทางโท แล้วจะสังเกตยังไง
